The การพัฒนารูปแบบการส่งเสริมสุขภาพจิตผู้สูงอายุโดยครอบครัว

ผู้แต่ง

  • wiramon Karseewong -
  • สุประวีณ์ คงธนชโยพิทย์

คำสำคัญ:

การส่งเสริมสุขภาพจิต, รูปแบบการส่งเสริมสุขภาพจิตผู้สูงอายุ, ผู้สูงอายุ, ครอบครัว

บทคัดย่อ

วัตถุประสงค์  เพื่อศึกษา 1) ข้อมูลพื้นฐานการส่งเสริมสุขภาพจิตผู้สูงอายุโดยครอบครัว 2) รูปแบบการส่งเสริมสุขภาพจิตผู้สูงอายุโดยครอบครัว 3) ผลการใช้รูปแบบการส่งเสริมสุขภาพจิตผู้สูงอายุโดยครอบครัว

รูปแบบและวิธีดำเนินการวิจัย การวิจัยเชิงพัฒนา (Research and Development) กระบวนการวิจัยมี 3 ระยะ  ระยะที่ 1 การศึกษาเชิงคุณภาพข้อมูลพื้นฐานการส่งเสริมสุขภาพจิตผู้สูงอายุ และนำข้อมูลมาพัฒนารูปแบบการส่งเสริมสุขภาพจิตผู้สูงอายุโดยครอบครัวในระยะที่ 2 และนำรูปแบบที่พัฒนาไปทดลองใช้ในระยะที่ 3 การวิจัยระยะที่ 1 ผู้ให้ข้อมูลคนสำคัญคือมี 2 กลุ่ม คือ ผู้นำชุมชน ผู้ดูแลผู้สูงอายุ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข จำนวน 8 คน และกลุ่มผู้สูงอายุ จำนวน 8 คน  ระยะที่ 2 การพัฒนารูปแบบการส่งเสริมสุขภาพจิตผู้สูงอายุโดยครอบครัว  ผู้ให้ข้อมูลคนสำคัญ คือผู้นำชุมชน ผู้สูงอายุ สมาชิกในครอบครัวผู้สูงอายุ และอาสาสมัครสาธารณสุข จำนวน 21 คน   วิเคราะห์ข้อมูลเชิงเนื้อหาสาระ (content analysis)  ระยะที่ 3  การทดลองใช้รูปแบบการส่งเสริมสุขภาพจิตผู้สูงอายุโดยครอบครัว เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง  กลุ่มตัวอย่างคือผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปที่สื่อสารเข้าใจชัดเจน ยินดีเข้าร่วมวิจัยและมีสมาชิกในครอบครัวดูแล จำนวน 18 คน  รวบรวมข้อมูลโดยใช้ แบบประเมินสุขภาพจิตผู้สูงอายุ ของกรมสุขภาพจิต (T-GMHA-15)  วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ paired t- test

ผลการวิจัย พบว่า ปัญหาและสาเหตุสุขภาพจิตในมุมมองผู้สูงอายุคือ ผู้สูงอายุต้องแบกรับภาระต่างๆในครอบครัว เช่น ค่าใช้จ่ายของครอบครัว หนี้สินและต้องดูแลบุตรหลาน นอกจากนั้นยังมีปัญหาการสื่อสารพูดคุยในครอบครัว เกิดความไม่เข้าใจกัน  รูปแบบการส่งเสริมสุขภาพจิตผู้สูงอายุโดยครอบครัว มี 4 ขั้นตอน คือ  ขั้นตอนที่ 1 การเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในครอบครัว  ขั้นตอนที่ 2 การเสริมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว  ขั้นตอนที่ 3 การเสริมสร้างพลังอำนาจและกำลังใจให้ผู้สูงอายุ  ขั้นตอนที่ 4  การดูแลผู้สูงอายุด้วยความรักและใส่ใจ  ผลการทดลองใช้รูปแบบโดยการอบรมผู้ดูแลผู้สูงอายุในครอบครัวและไปให้การดูแลผู้สูงอายุตามรูปแบบที่สร้างขึ้นพบว่า ค่าเฉลี่ยคะแนนสุขภาพจิตของผู้สูงอายุก่อนและหลังการทดลอง แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < 0.05) โดยก่อนการทดลอง มีคะแนนเฉลี่ย 38.50 (S.D. =  8.35) หลังการทดลองมีคะแนนเฉลี่ย 54.11 (S.D. =  6.51)  ค่า  t = 8.166

สรุปและข้อเสนอแนะ จากผลการวิจัยครอบครัวจึงมีความสำคัญกับสุขภาพจิตผู้สูงอายุ ควรดูแลช่วยเหลือไม่ให้ผู้สูงอายุแบกรับภาระมากเกินไป มีการสื่อสารที่เข้าใจกันและกัน เพราะครอบครัวเป็นสถาบันทางสังคมที่อยู่ใกล้ชิดผู้สูงอายุ

เอกสารอ้างอิง

เกรียงศักดิ์ ธรรมอภิพล, จุฑาธิป ศีลบุตร, จิราพร ชนพิกุล, กวินารัตน์ สุทธิสุคนธ์ และสมชาย วิริภิรมย์กุล (2559) ปัจจัยที่ส่งผลต่อความยากลำบากของครอบครัวผู้สูงอายุไทย.วารสารวิจัยระบบสาธารณสุข,ปีที่10(4), 140-426.

กิตติวงค์ สำสวด. (2560).ปัจจัยที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุในจังหวัดภาคตะวันออก. วารสารชุมชนวิจัย, ปีที่11 (2 ), 21-37.

กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข.(2560). แนวทางการดำเนินงานส่งเสริมสุขภาพจิตและป้องกันปัญหาสุขภาพจิตในผู้สูงอายุ. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์สำนักงานส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งชาติ.

ขวัญสุดา บุญทศ และขนิษฐา นันทบุตร. (2560). ความสุข ความทุกข์ และสุขภาพจิตผู้สูงอายุ ในชุมชนแห่งหนึ่งในภาคเหนือตอนบน ประเทศไทย. วารสารสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย, ปีที่62(3), 257-270.

ยชญ์รวินทร์ จรบุรมย์ และสิริกร สุธวัชณัฐ. (2563). ปัจจัยที่สัมพันธ์กับภาวะสุขภาพจิตของผู้สูงอายุในครอบครัวข้ามรุ่น.วารสารพยาบาล, ปีที่69(3), 20-26.

ชูศรี วงศ์รัตนะ. (2560). เทคนิคการใช้สถิติเพื่อการวิจัย (ฉบับปรับปรุง) พิมพ์ครั้งที่ 13. กรุงเทพฯ : ศูนย์หนังสือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

ชุติมา มาลัย, รุ่งทิพย์ ไชยโยยิ่งยงค์, เพ็ญนภา แดงด้อมยุทธ์และศรีสกุล เฉียบแหลม. (2562). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อภาวะซึมเศร้าของผู้สูงอายุในชุมชน จังหวัดราชบุรี. วารสารพยาบาลสงขลานครินทร์,ปีที่39(3), 67-76.

ณัฐิกา ราชบุตร, จุลจีรา จันทะมุงคุณ และจารุภา แซ่ฮ่อ.(2560). การศึกษาโปรแกรมส่งเสริมสุขภาพจิตและป้องกันโรคซึมเศร้าเชิงสังคมและวัฒนธรรมในผู้สูงอายุตำบลดอนมนต์ อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์. วารสารมฉก.วิชาการ, ปีที่20(40),115-125.

รัถยานภิศ พละศึก และเบญจวรรณ ถนอมชยธวัช.(2560 ). ตัวแบบของครอบครัวในการดูแลผู้สูงอายุ.วารสารเครือข่าย วิทยาลัยพยาบาลและการสาธารณสุขภาคใต้, ปีที่ 4 (3), 135 -150.

มาติกา รัตนะ. (2559). ความชุกและปัจจัยที่มีสัมพันธ์กับภาวะซึมเศร้าในผู้สูงอายุจังหวัด. รายงานการค้นคว้าอิสระของการศึกษาตามหลักสูตรสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิตวิชาเอกการจัดการการบริการสาธารณสุข. คณะสาธารณสุขศาสตร์: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

วิรมณ กาสีวงศ์, สุประวีณ์ คงธนชโยพิทย์, สุรเชษฎร์ สมตัว และ เพ็ญประภา พลหาราช. (2558). ภาวะซึมเศร้าผู้สูงอายุในชุมชน. รายงานการวิจัย : มหาวิทยาลัยนครพนม.

โสภาวรรณ เชื้อดี, ชาตรี ประชาพิพฒน์ และสาโรจน์ เพชรมณี. (2559). ผลของการใช้แรงสนับสนุนทางสังคมและการเสริมสร้างคุณค่าในตนเองต่อสุขภาพจิตผู้สูงอายุ ตำบลพังกาญจน์ อำเภอพนม จังหวัดสุราษฎร์ธานี. วารสารการพัฒนาสุขภาพชุมชน มหาวิทยาลัยขอนแก่น, ปีที่4 (1), 67-82.

สุชาดา แซ่ลิ่ม. (2562). การศึกษาความชุกและปัจจัยที่มีผลต่อภาวะซึมเศร้าของผู้สูงอายุในอำเภอเมือง จังหวัดระนอง. วารสารวิชาการแพทย์,ปีที่33(1), 193-202.

Branson, J., Branson, A., Pozniak, K., Tookes, J. and Schmidt, A.(2019). The Role of Family During Older Adults’ Living Transitions: Implications for Helping Professionals and Family Counselor. The Family Journal, 27(1) 75-83

Suwanmanee S, Nanthamongkolchai S, Munsawaengsub C, Taechaboonsermsak P. (2012). Factors influencing the mental health of the elderly in Songkhla, Thailand. J Med Assoc, 9(6),S8-15. PMID: 23130483.

World health organization. (2017). Mental Health of older adult. retrieved 29 sep 2021 from http://www. who.int/news-room/fact- sheets/detail/mental-health-of-older- adults .retrived 29 sep. 2021.

World health organization. (2021). Ageing and Health. retrived 30 novem. 2021 from https://www.who.int/news-room/fact sheets/detail/ageing-and-health.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2022-07-10

รูปแบบการอ้างอิง

Karseewong, wiramon, & คงธนชโยพิทย์ ส. . . (2022). The การพัฒนารูปแบบการส่งเสริมสุขภาพจิตผู้สูงอายุโดยครอบครัว. วารสารพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม, 23(44), 23–35. สืบค้น จาก https://he01.tci-thaijo.org/index.php/nursingsiamjournal/article/view/255458

ฉบับ

ประเภทบทความ

research article