ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลและความรอบรู้ทางสุขภาพ ในการป้องกันภาวะไตเสื่อมของผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง

ผู้แต่ง

  • พัฒนา เศรษฐวัชราวนิช อาจารย์ประจำ สาขาวิชาการพยาบาลอนามัยชุมชน คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยชินวัตร
  • วดีรัตน์ ศรีวงศ์วรรณ อาจารย์ประจำ สาขาวิชาการพยาบาลอนามัยชุมชน วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี จังหวัดนนทบุรี คณะพยาบาลศาสตร์ สถาบันพระบรมราชชนก

คำสำคัญ:

ความรอบรู้ทางสุขภาพ, โรคไตเรื้อรัง , การป้องกันภาวะไตเสื่อม

บทคัดย่อ

บทนำ: ภาวะไตเสื่อมเกิดจากการขาดความรู้และความตระหนักในการป้องกัน

วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลกับความรอบรู้ทางสุขภาพในการป้องกันภาวะไตเสื่อมของผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง

วิธีการดำเนินการวิจัย: การวิจัยเชิงสหสัมพันธ์ในกลุ่มตัวอย่างผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะ 1–3 จำนวน 122 ราย คัดเลือกตามเกณฑ์วินิจฉัยโรค ค่าอัตราการกรองของไต (GFR) หรือ Urine microalbumin เครื่องมือวิจัยคือแบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคลและความรอบรู้ทางสุขภาพ 6 ด้าน ผ่านการตรวจสอบความตรงโดยผู้เชี่ยวชาญ มีค่าสัมประสิทธิ์  อัลฟาของครอนบาคระหว่าง .75–.95 และค่า KR–20 เท่ากับ .74 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติพรรณนาและสถิติไคสแควร์

ผลการวิจัย: ความรอบรู้ทางสุขภาพภาพรวมอยู่ในระดับต่ำ (ร้อยละ 58.20) โดยความรู้ความเข้าใจมีระดับต่ำสุด     (ร้อยละ 56.56) รองลงมาคือการรู้เท่าทันสื่อ (ร้อยละ 63.11) ขณะที่การตัดสินใจอยู่ในระดับสูง (ร้อยละ 62.30) ปัจจัยส่วนบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับความรอบรู้ทางสุขภาพภาพรวมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < .001) ได้แก่ ระดับการศึกษา อาชีพ และการใช้อุปกรณ์ติดตามภาวะสุขภาพ

สรุปผล: การส่งเสริมความรอบรู้ทางสุขภาพควรให้ความสำคัญกับกลุ่มที่มีระดับการศึกษาและรายได้ต่ำ โดยเน้นพัฒนาทักษะการใช้อุปกรณ์ติดตามสุขภาพ

เอกสารอ้างอิง

จักรกฤษณ์ วังราษฎร์, กิตติพันธุ์ ฤกษ์เกษม, สุวินัย แสงโย, ศศิณัฏฐ์ พงษ์ธรรม, และนิภาภรณ์ ปิ่นมาศ. (2561). ปัจจัยทำนายพฤติกรรมการบริโภคอาหารของผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่ได้รับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม ณ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่. วารสารวิจัยระบบสาธารณสุข, 12(4), 625–635.

ณิชมน หลำรอด, เอนกพงศ์ ฮ้อยคำ, วดีรัตน์ ศรีวงศ์วรรณ, เสน่ห์ คล้ายบัว, และ ธนะวัฒน์ รวมสุก. (2566). ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลและปัจจัยทางสังคมกับความรอบรู้ด้านสุขภาพในการป้องกันโรคหลอดเลือดสมองของกลุ่มเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองอายุ 35 ปีขึ้นไปในจังหวัดนนทบุรี. วารสารการพยาบาลและการศึกษา, 16(2), 28–39.

ปนัดดา สวัสดี, นัทธมน วุทธานนท์, และ ประทุม สร้อยวงค์. (2565). ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเลือกวิธีการรักษาของผู้เป็นโรคไตเรื้อรังระยะก่อนการบำบัดทดแทนไต. พยาบาลสาร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 49(4), 151–162.

Cohen, J. (1988). Statistical power analysis for the behavioral sciences (2nd ed.). Lawrence Erlbaum Associates.

Coughlin, S. S., Vernon, M., Hatzigeorgiou, C., & George, V. (2020). Health literacy, social determinants of health, and disease prevention and control. Journal of Environment and Health Sciences, 6(1), 30–61.

Gonçalves-Fernández, M. L., & Pino-Juste, M. (2025). Health literacy in healthy adults: A systematic review of recent evidence. Atención Primaria, 57(11), 103300. https://doi.org/10.1016/j.aprim.2025.103300

Nutbeam, D. (2008). The evolving concept of health literacy. Social Science & Medicine, 67(12), 2072–2078. https://doi.org/10.1016/j.socscimed.2008.09.050

World Health Organization. (2021, September 16). Noncommunicable diseases. https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/noncommunicable-diseases

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-12-29

รูปแบบการอ้างอิง

เศรษฐวัชราวนิช พ. ., & ศรีวงศ์วรรณ ว. . (2025). ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลและความรอบรู้ทางสุขภาพ ในการป้องกันภาวะไตเสื่อมของผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง. วารสารพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม, 26(51), 101–111. สืบค้น จาก https://he01.tci-thaijo.org/index.php/nursingsiamjournal/article/view/282931

ฉบับ

ประเภทบทความ

research article