ผลของการใช้แนวคิดการจัดการตนเองต่อพฤติกรรมการดูแลตนเองในการควบคุมภาวะน้ำเกินของผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังที่เข้ารับการบำบัดทดแทนไตโดยการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยในงานครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาพฤติกรรมการดูแลตนเองในการจำากัดน้ำาของผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังที่เข้ารับการบำาบัดทดแทนไตโดยการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม 2) เพื่อเปรียบเทียบพฤติกรรมการดูแลตนเองในการควบคุมภาวะน้ำาเกินของผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังที่เข้ารับการบำาบัดทดแทนได้ โดยการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมก่อนและหลังได้รับโปรแกรมการจัดการตนเอง กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง จำานวน 21 คน ที่ได้จากการคัดเลือกแบบเจาะจงตามคุณสมบัติที่กำาหนด เครื่องมือในการทดลอง คือ โปรแกรมการจัดการตนเองของผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังที่เข้ารับการบำาบัดทดแทนได้ โดยการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม ประกอบด้วย แผนการสอน คู่มือการปฏิบัติตน สมุดบันทึกการบริโภคน้ำและอาหาร และขวดตวงน้ำาที่มีมาตรวัด เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสอบถามพฤติกรรมการดูแลตนเองในการจำากัดน้ำาของผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติทดสอบที (t-test)
ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้
1. พฤติกรรมการดูแลตนเองในการจำากัดน้ำาของผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังที่เข้ารับการบำาบัดทดแทนได้ โดยการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมภายหลังได้รับโปรแกรมการจัดการตนเอง (X = 3.94) ดีกว่าก่อนได้รับโปรแกรมการจัดการตนเอง (X = 3.24) อย่างมีนัยสำาคัญทางสถิติที่ .05
2. พฤติกรรมการดูแลตนเองในการควบคุมภาวะน้ำาเกินของผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังที่เข้ารับการบำาบัดทดแทนได้โดยการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมหลังได้รับโปรแกรมการจัดการตนเอง ดีกว่าก่อนได้รับโปรแกรมการจัดการตนเอง โดยพบว่าค่าเฉลี่ยของน้ำาเกินต่อครั้งของการฟอกเลือดหลังได้รับโปรแกรมการจัดการตนเอง (X = 2.68) น้อยลงกว่าก่อนได้รับโปรแกรมการจัดการตนเอง (X = 2.97)
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
2. โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์. สถิติผู้ป่วย พ.ศ. 2556-2558. ชลบุรี: โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์; 2559
3. Dunbar-Jacob J, Erlen JA, Schlenk EA, Ryan CM, Sereika SM, Doswell WM. Adherence in chronic disease. Annu Rev Nurs Res 2000;18:48-90
4. Foley RN, Parfrey PS, Harnett JD, Kent GM, Murrey DC, Barre PE. Impact of hypertension on cardiomyopathy, morbidity and mortality in end-stage renal disease. Kidney Int 1996;49(5):1379-85
5. Lipetz MJ, Bussigel MN, Bannerman J, Risley B. What is wrong with patient education programs?. Nurs Outlook 1990;38:184-9
6. Creer LT. Self-management of chronic illness. Handbook of self-regulation. Californa:
Academic; 2000. p. 601-29
7. Chantapet Y. Effect of illness representation program on volume overload control among patients receiving hemodialysis in Thatpanom Crown Prince Hospital, Nakhonphanom Province. [Master’s Thesis, Faculty of Nursing]. Khon Kaen University; 2012. (in Thai)
8. Petchai T. Effects of using primary nursing with health information provision on health status of patients with chronic renal failure and satisfaction of nurse, hemodialysis units. [Master’s Thesis, Faculty of Nursing]. Chulalongkorn University; 2009. (in Thai)
9. Lorig KR, Holman H. Self-management education: history, definition, outcomes, and mechanism. Ann Behav Med 2003;26(1):1-7
10. Bandura A. Self-efficacy: the exercise of control. New York: W.H. Freeman; 1997
11. Kralik D, Koch T, Price K, Howard N. Chronic illness self-management: taking action to create order. J Clin Nurs 2004;13(2):259-67
12. Wagner EH, Brian AT, Davis C, MikenHindmarsh, Schaefer J, Bonomi A. Improving chronic illness care: translating evidence into action. Health Affairs 1999;20(6):64-78