การพัฒนาแนวทางการมีส่วนร่วมของชุมชน ในการดูแลผู้ป่วยจิตเวชพฤติกรรมรุนแรง อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด
คำสำคัญ:
การมีส่วนร่วมของชุมชน, ผู้ป่วยจิตเวช, พฤติกรรมรุนแรง, การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม, ระบบดูแลต่อเนื่องบทคัดย่อ
วัตถุประสงค์: เพื่อพัฒนาแนวทางการมีส่วนร่วมของชุมชนในการดูแลผู้ป่วยจิตเวชที่มีพฤติกรรมรุนแรงในพื้นที่อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด
รููปแบบการวิจัย: การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม (Participatory Action Research)
วัสดุและวิธีการวิจัย: ดำเนินการระหว่างเดือนตุลาคม 2565 ถึงมีนาคม 2566 กลุ่มผู้ร่วมวิจัยประกอบด้วยบุคลากรสาธารณสุข เจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้นำชุมชน อาสาสมัครสาธารณสุข และญาติผู้ดูแล รวม 120 คน ดำเนินการผ่าน 3 ระยะ ได้แก่ ระยะเตรียมการ ระยะพัฒนารูปแบบตามวงจร PAOR (Planning-Action-Observe-Reflex) และระยะประเมินผล เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม การสัมภาษณ์เชิงลึก การสนทนากลุ่ม และการสังเกตแบบมีส่วนร่วม วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณด้วยสถิติเชิงพรรณนา และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัย: แนวทางที่พัฒนาขึ้นประกอบด้วย 3 องค์ประกอบหลัก คือ (1) ระบบ Fast Track แบบไร้รอยต่อ ครอบคลุม Pre-hospital, In-hospital และ Post-hospital (2) ระบบการจำแนกกลุ่มผู้ป่วยตามระดับความรุนแรง 3 ระดับ (สีแดง เหลือง เขียว) และ (3) กลไกการติดตามดูแลต่อเนื่องโดยเครือข่ายพหุภาคีผ่านระบบ Line Group หลังการดำเนินงาน 1 ปี 8 เดือน พบว่าจำนวนผู้ป่วยระดับความรุนแรงสูง (สีแดง) ลดลงจาก 9 รายเหลือ 1 ราย (ลดลง 88.9%) อัตราการกลับมารักษาซ้ำภายใน 28 วันลดลงจากร้อยละ 8.2 เป็นร้อยละ 2.1 และอัตราการส่งต่อด้วยอาการรุนแรงลดลงจากร้อยละ 15.3 เป็นร้อยละ 4.8 ทั้งหมดไม่มีผู้ป่วยก่อความรุนแรงซ้ำในชุมชน
สรุปและข้อเสนอแนะ: การพัฒนาแนวทางการมีส่วนร่วมของชุมชนที่บูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ร่วมกับระบบการดูแลแบบไร้รอยต่อและการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการประสานงาน สามารถลดอัตราการกลับมาป่วยซ้ำและป้องกันการก่อความรุนแรงในชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เอกสารอ้างอิง
กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข. แนวทางการติดตามดูแลต่อเนื่องผู้ป่วยจิตเวชสุรา/ยาสารเสพติด (ฉบับทดลองใช้). กรุงเทพฯ: กรมสุขภาพจิต; 2563.
โชคดำรงสุข เจษฎา. กรมสุขภาพจิตเผย ติดยาทำป่วยจิตเกือบ 4 พันรายต่อปี แนะพารักษาให้เร็ว [อินเทอร์เน็ต]. [เข้าถึงเมื่อ 15 ตุลาคม 2566]. เข้าถึงได้จาก:
https://www.hfocus.org/content/2016/06/12285
สถาบันราชานุกุล.2559. อาการทางจิตจากสารเสพติด [อินเทอร์เน็ต]. [เข้าถึงเมื่อ 15 ตุลาคม 2566]. เข้าถึงได้จาก: https://www.rajanukul.go.th/index.php
กลุ่มงานจิตเวชและยาเสพติด โรงพยาบาลสุวรรณภูมิ. รายงานสถิติผู้ป่วยจิตเวชในพื้นที่อำเภอสุวรรณภูมิ ปี 2563-2565. ร้อยเอ็ด: โรงพยาบาลสุวรรณภูมิ; 2566.
นาฏยา คงวัดใหม่. เจตคติของเพื่อนบ้านต่อผู้ป่วยจิตเวช: เปรียบเทียบระหว่างชุมชนที่มีบริการดูแลผู้ป่วยจิตเวชที่บ้านและชุมชนที่มีบริการดูแลผู้ป่วยจิตเวชที่บ้านร่วมกับการมีส่วนร่วมของชุมชนในการดูแลผู้ป่วยจิตเวชผ่านกระบวนการระดมพลังสร้างสรรค์ [สารนิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต]. สงขลา: มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์; 2549.
Kemmis S, McTaggart R. Participatory action research: Communicative action and the public sphere. In: Denzin N K, Lincoln Y S. editors. The Sage handbook of qualitative research. 3rd ed. Sage Publications; 2005. p.559-603.
Patel V, Saxena S, Lund C, Thornicroft G, Baingana F, Bolton P, et al. The Lancet Commission on global mental health and sustainable development. Lancet. 2018;392(10157):1553-98.
ทัศนีย์ เชื่อมทอง, อารีรัช จำนงค์ผล, กรรัตน์ ทองช้อย. ผลการวางแผนก่อนจำหน่ายสำหรับผู้ป่วยจิตเภทและญาติผู้ดูแล หอผู้ป่วยจิตเวช โรงพยาบาลชลบุรี. วารสารโรงพยาบาลชลบุรี. 2564;46(3):180-92.
Chaet D, Clearfield R, Sabin J E, Skimming K. Ethical practice in telehealth and telemedicine. Journal of General Internal Medicine. 2017;32(10):1136-40.
Oredsson S, Jonsson H, Rognes J, Lind L, Göransson K E, Ehrenberg A, et al. A systematic review of triage-related interventions to improve patient flow in emergency departments. Scandinavian Journal of Trauma, Resuscitation and Emergency Medicine. 2011;19:43.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด
บทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารวิจัย และพัฒนานวัตกรรมทางสุขภาพ สํานักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด ถือเป็น ผลงานวิชาการ งานวิจัย วิเคราะห์ ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้ประพันธ์ กองบรรณาธิการไม่จําเป็นต้องเห็น ด้วยเสมอไป และผู้ประพันธ์จะต้องรับผิดชอบต่อบทความของตนเอง