วิเคราะห์การใช้ยาต้านจุลชีพและปัจจัยการเสียชีวิตในผู้ป่วย K. pneumoniae ดื้อยา โรงพยาบาลมุกดาหาร
คำสำคัญ:
การประเมินการใช้ยา, การดื้อยาต้านจุลชีพ, การกำกับดูแลการใช้ยาต้านจุลชีพ, เชื้อแบคทีเรียดื้อต่อยาในกลุ่มคาร์บาพีเนมบทคัดย่อ
วัตถุประสงค์: เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์การติดเชื้อแบคทีเรียดื้อยาต้านจุลชีพกลุ่มคาร์บาพีเนม (Carbapenem-Resistant Organisms) และศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการเสียชีวิตในผู้ป่วยติดเชื้อ K. pneumoniae ดื้อยา
รูปแบบการวิจัย: การศึกษาแบบย้อนหลัง (Retrospective cohort study)
วัสดุและวิธีการวิจัย: กลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 149 ราย เป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อ K. pneumoniae ดื้อยา 42 ราย โดยเก็บข้อมูลย้อนหลังจากเวชระเบียนผู้ป่วยที่ติดเชื้อแบคทีเรียดื้อยาและได้รับการอนุมัติใช้ยาต้านจุลชีพชนิดควบคุม ระหว่างวันที่ 1 มกราคม ถึง 31 ธันวาคม พ.ศ. 2566 เครื่องมือวิจัยคือแบบบันทึกข้อมูล ซึ่งผ่านการตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหา (IOC = 0.84) การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน รวมถึงการทดสอบทางสถิติด้วย Chi-square test และ Independent t-test
ผลการวิจัย: จากผู้ป่วยทั้งหมด 149 ราย พบว่า กลุ่มเชื้อที่ไวต่อ Carbapenem 51 ราย (34.28%) มีอัตราเสียชีวิตเพียง 5.88% โดยมีความเหมาะสมในการเลือกใช้ยา 92.16% และความเหมาะของขนาดยา 88.24% ระยะเวลานอนโรงพยาบาลเฉลี่ย 17.0 ± 10.1 วัน ในขณะที่กลุ่มเชื้อดื้อ Carbapenem 98 ราย (65.77%) มีอัตราเสียชีวิตสูงถึง 25.51% โดยมีความเหมาะสมในการเลือกใช้ยา 74.49% และความเหมาะสมของขนาดยาเพียง 24.49% ระยะเวลานอนโรงพยาบาลเฉลี่ย 37.7 ± 29.5 วัน ผลการวิเคราะห์ทางสถิติพบว่าอัตราการเสียชีวิตแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ (Chi-square test, p= .007) และระยะเวลานอนโรงพยาบาลต่างกันอย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน (Independent t-test, p < .001) เชื้อที่พบมากที่สุดคือ CRAB (51.01%) และเชื้อที่มีอัตราการเสียชีวิตสูงที่สุดคือ CRKP (35.71%) และปัจจัยสำคัญที่สัมพันธ์กับการเสียชีวิตคือความเหมาะสมของขนาดยาและวิธีให้ยา (p=.02) โดยผู้ป่วยที่ได้รับการปรับขนาดยาและวิธีให้ยาตามหลัก PK/PD Optimization เช่น Meropenem high-dose prolonged infusion หรือ Colistin loading dose ที่เหมาะสม มีอัตราการเสียชีวิตต่ำกว่า โดยสูตรยาที่ใช้บ่อยที่สุดคือ Colistin ร่วมกับ Meropenem (65.31%) และพบอาการไม่พึงประสงค์จาก Colistin 22.78% (ส่วนใหญ่ Nephrotoxicity)
สรุปและข้อเสนอแนะ: การติดเชื้อจากเชื้อดื้อ Carbapenem มีความรุนแรงสูงและสัมพันธ์กับอัตราการเสียชีวิตและระยะเวลานอนโรงพยาบาลที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จึงควรมีการปรับปรุง CPG ของโรงพยาบาล โดยเพิ่ม Sulbactam เป็น First-line สำหรับ CRAB และ Ceftazidime-avibactam เป็น First-line สำหรับ CRE (กรณีเข้าเกณฑ์ จ.2) รวมถึงปรับระบบ Drug Utilization Evaluation (DUE) เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการรักษา ลดอัตราการเสียชีวิต และลดภาระค่าใช้จ่ายระยะยาว
เอกสารอ้างอิง
ธรรมลิขิตกุล วิโรจน์. คู่มือการควบคุมและป้องกันแบคทีเรียดื้อยาต้านจุลชีพในโรงพยาบาล [อินเทอร์เน็ต]. กรุงเทพฯ: สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข; 2558 [เข้าถึงเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2568]. เข้าถึงได้จาก: https://www.hsri.or.th
ทองรอด วิโรจน์. Antimicrobial resistance: การดื้อยาของเชื้อโรค [อินเทอร์เน็ต]. 2565 [เข้าถึงเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2568]. เข้าถึงได้จาก: http://ccpe.pharmacycouncil.org
Musicha P, Cornick J E, Bar-Zeev N, French N, Masesa C, Denis B, et al. Trends in antimicrobial resistance in bloodstream infection isolates at a large urban hospital in Malawi (1998–2016): a surveillance study. Lancet Infect Dis. 2017;17(10):1042–52.
รัตนอัมพวัลย์ ภูริเดช. การส่งเสริมและกำกับการใช้ยาต้านจุลชีพอย่างเหมาะสมในโรงพยาบาล. กรุงเทพฯ: เรือนแก้วการพิมพ์; 2561.
National Antimicrobial Resistance Surveillance Center Thailand (NARST). Antimicrobial resistance 2000–2016 [Internet]. Bangkok: Department of Medical Sciences; 2017 [cited 2025 Feb 17]. Available from: http://narst.dmsc.moph.go.th
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์. สถานการณ์เชื้อดื้อยาต้านจุลชีพ 2000–2018 [Internet]. กรุงเทพฯ: กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์; 2561 [เข้าถึงเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2568]. เข้าถึงได้จาก:http://narst.dmsc.moph.go.th
Kaye K S, Pogue J M. Infections caused by resistant Gram-negative bacteria: epidemiology and management. Pharmacotherapy. 2015;35(10):949–62.
Thamlikitkul V, Rattanaumpawan P, Boonyasiri A, Pumsuwan V, Judaeng T, Tiengrim S, et al. Thailand antimicrobial resistance containment and prevention program. J Glob Antimicrob Resist. 2015;3(4):290–4.
Hsu L Y, Alder J, Kwa A L, Tam V H, Kurup A, Teng C B. Carbapenem-resistant Enterobacteriaceae: a review of treatment and outcomes. Antibiotics (Basel). 2017;6(4):25.
ยิ่งขจร สุนทร, สุทธิโชติ สมชาย, หงส์ทอง นฤมล, บุญรอด ตรีทศ, สิมลา วัฒนา, ศีรรักษา ศุภชัย. การดื้อยาปฏิชีวนะของแบคทีเรียในโรงพยาบาล. วารสารวิชาการสาธารณสุข. 2564;30(9):16–27.
บัวชุม สมเกียรติ, โจวตระกูล ไพศาล, วงพระจันทร์ สมพร. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการติดเชื้อแบคทีเรียกลุ่ม Enterobacteriaceae ที่ดื้อต่อยา carbapenem ในผู้ป่วยโรงพยาบาลพิจิตร. วารสารวิจัยและวิชาการสาธารณสุขจังหวัดพิจิตร. 2563;1:3–14.
Tamma P D, Aitken S L, Bonomo R A, Mathers A J, van Duin D, Clancy C J. Infectious Diseases Society of America guidance on the treatment of antimicrobial-resistant Gram-negative infections. Clin Infect Dis. 2019;69(7):e39–110.
Tamma P D, Aitken S L, Bonomo R A, Mathers A J, van Duin D, Clancy C J. Infectious Diseases Society of America guidance on the treatment of antimicrobial-resistant Gram-negative infections: 2024 update. Clin Infect Dis. 2024;79(9):E65–75.
Paul M, Daikos G L, Durante-Mangoni E, Yahav D, Carmeli Y, Carrara E, et al. European Society of Clinical Microbiology and Infectious Diseases (ESCMID) guidelines for the treatment of infections caused by multidrug-resistant Gram-negative bacilli. Clin Microbiol Infect. 2022;28(4):521–47.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด
บทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารวิจัย และพัฒนานวัตกรรมทางสุขภาพ สํานักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด ถือเป็น ผลงานวิชาการ งานวิจัย วิเคราะห์ ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้ประพันธ์ กองบรรณาธิการไม่จําเป็นต้องเห็น ด้วยเสมอไป และผู้ประพันธ์จะต้องรับผิดชอบต่อบทความของตนเอง