การพัฒนาระบบเฝ้าระวังปัญหาสายตาของนักเรียน ระดับประถมศึกษาปีที่ 1 จังหวัดมหาสารคาม
คำสำคัญ:
การพัฒนาระบบ, การเฝ้าระวังปัญหาสายตา, การวิจัยเชิงปฏิบัติการ, เด็กวัยเรียนบทคัดย่อ
วัตถุประสงค์ : เพื่อพัฒนาและประเมินผลระบบเฝ้าระวังปัญหาสายตาของนักเรียนระดับประถมศึกษาปีที่ 1 จังหวัดมหาสารคาม
รูปแบบการวิจัย : การวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research)
วัสดุและวิธีการวิจัย : การวิจัยแบ่งเป็นระยะที่ 1 วิเคราะห์สถานการณ์ ระยะที่ 2 พัฒนาระบบ และระยะที่ 3 ประเมินผลการพัฒนาระบบ โดยใช้แนวคิด PAOR ในการดำเนินงานวิจัยร่วมกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในพื้นที่ เครื่องมือวิจัยประกอบด้วย คู่มือแนวทางการดำเนินงานคัดกรองสายตานักเรียน แบบสัมภาษณ์เชิงลึก และการสนทนากลุ่ม เครื่องมือในการรวบรวมข้อมูลประกอบด้วย สมุดบันทึกสุขภาพของนักเรียน แบบบันทึกการคัดกรองสายตา และระบบโปรแกรม Vision2020 วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ โดยใช้การแจกแจงความถี่ ร้อยละ ส่วนข้อมูลเชิงคุณภาพวิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์จำแนกประเภทข้อมูล และการวิเคราะห์แก่นสาระ
ผลการวิจัย : ระยะที่ 1 การวิเคราะห์สถานการณ์ พบว่าการดำเนินงานเดิมยังไม่มีความต่อเนื่อง การประสานงานไม่เป็นระบบ และขาดเครื่องมือสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ระยะที่ 2 การพัฒนาระบบการเฝ้าระวัง มี 4 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นวางแผน (Planning) ขั้นปฏิบัติการ (Action) ขั้นสังเกตการณ์ (Observation) ขั้นสะท้อนผล (Reflection) ได้รูปแบบที่ประกอบด้วย 1) ระบบบริหารจัดการ 2) การพัฒนาศักยภาพบุคลากร 3) ระบบคัดกรองและส่งต่อที่มีมาตรฐาน และ 4) ระบบข้อมูลและรายงานผล ระยะที่ 3 การประเมินผลการดำเนินงานพบว่าในปีการศึกษา 2567 นักเรียนระดับประถมศึกษาปีที่ 1 ได้รับการคัดกรองสายตาร้อยละ 85.31 พบภาวะสายตาผิดปกติร้อยละ 2.26 และในกลุ่มที่มีความผิดปกติได้รับแว่นสายตาที่เหมาะสมถึงร้อยละ 82.12 โดยภาวะสายตาสั้นเป็นปัญหาหลัก รองลงมาคือสายตายาวและสายตาเอียง นอกจากนี้ ระบบที่พัฒนายังส่งเสริมการทำงานแบบบูรณาการของหน่วยงานในพื้นที่ สร้างความต่อเนื่องในการดำเนินงานได้อย่างเป็นรูปธรรม
สรุปและข้อเสนอแนะ : ระบบเฝ้าระวังปัญหาสายตานักเรียนระดับประถมศึกษาปีที่ 1 ช่วยเพิ่มอัตราการคัดกรอง คัดแยกผู้มีภาวะสายตาผิดปกติ และส่งต่อเพื่อรับบริการที่เหมาะสม พร้อมทั้งส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ทำให้เกิดรูปแบบการดำเนินงานที่ยั่งยืน สามารถขยายผลได้ในระดับจังหวัดและพื้นที่อื่นต่อไปได้
เอกสารอ้างอิง
World Health Organization. Vision 2020: The right to sight. Report of an intercountry consultation on development of regional strategies [Internet]. 2001 [cited 2024 Aug 25]. Available from: https://apps.who.int/iris/bitstream/handle/10665/206524/B1464.pdf? sequence=1&isAllowed=y
กรมอนามัย. รายงานผลการดำเนินงานโครงการเด็กไทยสายตาดี. การประชุมขับเคลื่อนโครงการเด็กไทยสายตาดี ปีงบประมาณ 2565 ครั้งที่ 6/2565 [อินเทอร์เน็ต]. [เข้าถึงเมื่อ 30 สิงหาคม 2565]. เข้าถึงได้จาก: https://hp.anamai.moph.go.th/th/newsamai/download/?did=211214&id=97183&reload=]
Kemmis S, McTaggart R. The action research planner (3rd ed.). Victoria: Deakin University; 1988.
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. คู่มือการตรวจคัดกรองระดับการเห็นในเด็กระดับชั้นอนุบาลและชั้นประถมศึกษา สำหรับการดำเนินงานโครงการเด็กไทยสายตาดี เพื่อเพิ่มโอกาสการเรียนรู้ตามนโยบาย “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้”. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ; 2557.
กระทรวงสาธารณสุข. แผนพัฒนาระบบบริการสุขภาพ (Service Plan) พ.ศ. 2561-2565. นนทบุรี; 2561.
สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ. หนังสือ สปสช. 3.65/74/2559 ลว 1 มี.ค. 2559 เรื่องแนวทางปฏิบัติเพื่อสนับสนุนแผนงาน/โครงการ/กิจกรรม การส่งเสริมสุ-ภาพตาและป้องกันภาวะความผิดปกติของการมองเห็นในกลุ่มเด็กและผู้สูงอายุ [อินเตอร์เน็ต]. [เข้าถึงเมื่อ 30 สิงหาคม 2566]. เข้าถึงได้จาก: https://www.thongthinlaw.com/p/blog-page_68.html
ชุติมา อัตถากรโกวิท. คุณภาพชีวิตของนักเรียนที่มีปัญหาสุขภาพสายตา. วารสารสาธารณสุขศาสตร์และการพัฒนา. 2549;4(1):45–52.
สรรพัฒน์ รัตนิน, ทีมจักษุแพทย์ โรงพยาบาลจักษุ รัตนิน. รอบรู้เรื่องตา (น. 25). กรุงเทพฯ: บริษัทเรือนปัญญา จำกัด; 2547.
ดิเรก ผาติกุลศิลา. กายวิภาคและพัฒนาการของการมองเห็นในเด็ก. ใน: ศักดิ์ชัย วงศกิตติรักษ์ และสุดารัตน์ ใหญ่สว่าง, บรรรณาธิการ. ตำราจักษุวิทยาเด็กและตาเข. กรุงเทพฯ: ชมรมจักษุวิทยาเด็กและตาเข ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย; 2546.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด
บทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารวิจัย และพัฒนานวัตกรรมทางสุขภาพ สํานักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด ถือเป็น ผลงานวิชาการ งานวิจัย วิเคราะห์ ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้ประพันธ์ กองบรรณาธิการไม่จําเป็นต้องเห็น ด้วยเสมอไป และผู้ประพันธ์จะต้องรับผิดชอบต่อบทความของตนเอง