ผลของการใช้โปรแกรมการให้ข้อมูลอย่างมีแบบแผนก่อนการสวนหัวใจต่อความวิตกกังวล และความพร้อมของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจในโรงพยาบาลร้อยเอ็ด
คำสำคัญ:
โปรแกรมการให้ข้อมูลอย่างมีแบบแผน, การตรวจสวนหัวใจ, ความวิตกกังวล, ความพร้อมบทคัดย่อ
วัตถุประสงค์ : เพื่อเปรียบเทียบคะแนนความวิตกกังวลและคะแนนความพร้อมของโปรแกรมการให้ข้อมูลอย่างมีแบบแผนก่อนการตรวจสวนหัวใจต่อความวิตกกังวลและความพร้อมของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจในโรงพยาบาลร้อยเอ็ด
รูปแบบการวิจัย : การวิจัยเชิงกึ่งทดลอง
วัสดุและวิธีการวิจัย : กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจ 44 คน แบ่งเป็นกลุ่มควบคุม (ได้รับการพยาบาลตามปกติ) 22 คน และกลุ่มทดลอง (ได้รับโปรแกรมการให้ข้อมูลอย่างมีแบบแผน) 22 คน โปรแกรมสร้างตามกรอบแนวคิดทฤษฎีการเรียนรู้ และเครื่องมือวัดประกอบด้วยแบบประเมินความวิตกกังวลและแบบประเมินความพร้อม ซึ่งผ่านการตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหา (0.84 และ 0.96) และค่าความเที่ยง (0.89 และ 0.87) วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติพรรณนา ไคสแควร์ การทดสอบค่าทีคู่ และค่าทีอิสระ
ผลการวิจัย : ก่อนการตรวจสวนหัวใจ กลุ่มทดลองมีความวิตกกังวลระดับปานกลาง (Mean= 3.41±0.82) มีความพร้อมระดับค่อนข้างมาก (Mean= 3.62±0.83) กลุ่มควบคุมมีความวิตกกังวลระดับค่อนข้างมาก (Mean = 3.76±0.41) ความพร้อมระดับปานกลาง (Mean = 3.30±0.66) และหลังการตรวจสวนหัวใจ กลุ่มทดลองมีความวิตกกังวลระดับน้อยที่สุด (Mean =1.33±0.36) ความพร้อมระดับมากที่สุด (Mean =4.97±0.05) กลุ่มควบคุมมีความวิตกกังวลระดับปานกลาง (Mean =2.35±0.62) ความพร้อมระดับปานกลาง (Mean =3.33±0.80) การเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยระหว่างกลุ่ม พบว่า กลุ่มทดลองมีความวิตกกังวลลดลงและความพร้อมเพิ่มขึ้นมีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<.05)
สรุปและข้อเสนอแนะ : โปรแกรมการให้ข้อมูลอย่างมีแบบแผนก่อนการตรวจสวนหัวใจมีประสิทธิภาพในการลดความวิตกกังวลและเพิ่มความพร้อมของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจ จึงเสนอแนะให้นำไปประยุกต์ใช้ในกระบวนการพยาบาล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดูแลและประสบการณ์ผู้ป่วยต่อไป
เอกสารอ้างอิง
กรมควบคุมโรค. โรคหลอดเลือดหัวใจ: สถิติและข้อควรรู้. นนทบุรี: สำนักระบาดวิทยา; 2564.
World Health Organization. The top 10 causes of death. Geneva: WHO; 2021.
กระทรวงสาธารณสุข. รายงานสถิติการตาย พ.ศ. 2565. นนทบุรี: สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์; 2566.
ณัฐธิวรรณ พันธ์มุง, อลิสรา อยู่เลิศลบ, สราญรัตน์ ลัทธิ. ประเด็นสารรณรงค์วันความดันโลหิตสูงโลก. นนทบุรี: กรมควบคุมโรค; 2561.
Petcharavej Hospital. Cardiac catheterization lab [Internet]. Bangkok: Petcharavej Hospital; [cited 2025 Aug 19]. Available from: https://www.petcharavejhospital.com/en/Medical_service/med_tech_detail/Cardiac_Catheterization_Lab.
Pierce B, et al. Anxiety in patients undergoing cardiac catheterization. J Cardiovasc Nurs. 2018;33(5):E1–E7.
ศิริรัตน์ ปานอุทัย. การให้ข้อมูลและการเตรียมความพร้อมผู้ป่วยก่อนตรวจสวนหัวใจ. วารสารวิชาการสาธารณสุข. 2557;23(1):34-40.
จำเนียร พัฒนจักร, วาสนา รวยสูงเนิน. ผลของการให้ข้อมูลเตรียมความพร้อมก่อนตรวจสวนหลอดเลือดหัวใจต่อความวิตกกังวลและความร่วมมือ. วารสารพยาบาลศาสตร์และสุขภาพ. 2561;41(3):10-19.
แจ่มจันทร์ ประทีปมโนวงศ์, สุรสิทธิ์ ช่วยบุญ, ณหฤทัย นฤมานโภคิน. การพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับการสวนหัวใจผ่านทางหลอดเลือดแดงที่ข้อมือ. วารสารพยาบาลโรคหัวใจและทรวงอก. 2562;30(2):2-14.
Murthy K, et al. Impact of structured information on patient anxiety. Int J Nurs Stud. 2019;92:45-52.
ศุภกิจ เครือกลัด. ผลของโปรแกรมการสนับสนุนทางสังคมก่อนการตรวจสวนหัวใจต่อความวิตกกังวลและความพร้อม [วิทยานิพนธ์]. พิษณุโลก: มหาวิทยาลัยนเรศวร; 2564.
McNamara M, et al. Psychological impact of coronary angiography. Heart. 2003;89(12):1421-25.
โรงพยาบาลร้อยเอ็ด. รายงานการดำเนินงานของศูนย์หัวใจ 2567. ร้อยเอ็ด: โรงพยาบาลร้อยเอ็ด; 2567.
Polit D F, Beck C T. Nursing research: Generating and assessing evidence for nursing practice. 11th ed. Philadelphia: Wolters Kluwer; 2021.
Faul F, Erdfelder E, Buchner A, Lang A G. Statistical power analyses using G*Power 3.1: Tests for correlation and regression analyses. Behav Res Methods. 2009;41(4):1149–60.
Creswell J W, Creswell J D. Research design: Qualitative, quantitative, and mixed methods approaches. 5th ed. Thousand Oaks: Sage; 2018.
Bloom B S, Engelhart M D, Furst E J, Hill W H, Krathwohl DR. Taxonomy of educational objectives: The classification of educational goals. Handbook I: Cognitive domain. New York: David McKay; 1956.
Likert R. A technique for the measurement of attitudes. Arch Psychol. 1932;22(140):1–55.
Ayasrah S M, Ahmad M M. Educational video intervention effects on periprocedural anxiety levels among cardiac catheterization patients: A randomized clinical trial. Res Theory Nurs Pract. 2016;30(1):70–84.
Wu Y P, Hsu Y W, Huang C Y, Lin K C, Tsay S L, Lin H R. The effect of an information intervention on anxiety and satisfaction for patients undergoing cardiac catheterization. J Clin Nurs. 2014;23(13–14):2063–73.
Krueaklat P, Limpakan S, Eungpinichpong W, Kamdee K. The effects of social support program on anxiety among patients undergoing cardiac catheterization. Srinagarind Med J. 2021;36(1):37–45.
Rinsathorn P, Nunthaitaweekul P. The effect of providing information and music therapy on anxiety in patients undergoing cardiac catheterization. Songklanagarind J Nurs. 2023;43(1):27–38.
Ng S X, Venkatanarayanan N, Ho C Y X, Lim D Y. Preoperative patient education and anxiety: A systematic review. Psychiatric Q. 2022;93(1):153–65.
Metpromrach A, Pimsawat R. Supportive-educative nursing system for enhancing readiness in elderly patients undergoing cardiac catheterization. Thai J Card Nurs. 2025;16(1):45–57.
Aardoom J J, Broekhuizen J S, van Dijk M, van der Kolk B B, Schuurmans M J. The effect of a virtual reality intervention (Pre-View) on patient preparedness for cardiac catheterization: A pilot study. Eur J Cardiovasc Nurs. 2022;21(6):580–8.
Torres S, Latorre E, Velandia S, Pérez-García A. Pre-procedural readiness as a predictor of postoperative outcomes: An integrative review. J Perianesth Nurs. 2020;35(4):354–63.
Leventhal H, Brissette I, Leventhal E A. The common-sense model of self-regulation of health and illness. In: Cameron L D, Leventhal H, editors. The self-regulation of health and illness behaviour. London: Routledge; 2003. p. 42–65.
Herrmann C, Kreuzer H. The reduction of anxiety before cardiac catheterization. Dtsch Med Wochenschr. 1989;114(8):309–13.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด
บทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารวิจัย และพัฒนานวัตกรรมทางสุขภาพ สํานักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด ถือเป็น ผลงานวิชาการ งานวิจัย วิเคราะห์ ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้ประพันธ์ กองบรรณาธิการไม่จําเป็นต้องเห็น ด้วยเสมอไป และผู้ประพันธ์จะต้องรับผิดชอบต่อบทความของตนเอง
