การศึกษารูปแบบการตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อวินิจฉัยภาวะติดเชื้อในกระเเสเลือด โรงพยาบาลจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่

ผู้แต่ง

  • กฤษณี มณีวงศ์ โรงพยาบาลจอมทอง

คำสำคัญ:

ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด, ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดระดับรุนแรง, การตรวจทางห้องปฏิบัติการอย่างสมเหตุผล

บทคัดย่อ

วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาและพัฒนารูปแบบการส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ สำหรับการวินิจฉัยภาวะติดเชื้อในกระเเสเลือด โรงพยาบาลจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่

รูปแบบการวิจัย: เป็นการวิจัยและพัฒนาเชิงสำรวจ (Exploratory Research and Development)

วัสดุและวิธีการวิจัย: การศึกษาข้อมูลย้อนหลังระหว่างเดือนตุลาคม 2566–เดือนกันยายน 2567 จากการทบทวนข้อมูลเวชระเบียนผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยภาวะติดเชื้อในกระเเสเลือด กลุ่มตัวอย่าง (n) ที่ใช้ในการศึกษาจำนวน 896 คน คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจง เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบบันทึกข้อมูลในระบบอิเล็กทรอนิกส์และแบบบันทึกผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติ Chi-square test ประเมินค่าความไวและค่าความจำเพาะตามเกณฑ์ qSOFA, SOFA, SEPSIS-3 guidelines วิเคราะห์ความสัมพันธ์แบบ Univariate และ Multivariate Model รายงานผลด้วย Odds ratio และ 95%CI ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ .05

ผลการวิจัย: พบว่ากลุ่มป่วย Sepsis มีผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการผิดปกติ 62.07% และกลุ่มป่วย Septic shock มีความผิดปกติ 67.16% ผลการทดสอบความสัมพันธ์ระหว่างจำนวนการส่งตรวจกับผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ไม่พบความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญ (Sepsis: r = - 0.25, p = 0.43, Septic shock: r = -0.06, p = 0.86) ผลการวิเคราะห์แบบ Univariate พบ Biomarker ที่มีความสัมพันธ์กับภาวะ Septic Shock อย่างมีนัยสำคัญ (p < .05) ทั้งหมด 11 รายการ โดยมีค่าความไวระหว่าง 0.53 – 0.65 และความจำเพาะ 0.52 – 0.67 และผลการวิเคราะห์ Multivariate Model พบว่า Albumin, BUN, Lactate, Platelet และ Creatinine เป็นตัวแปรสำคัญที่สามารถแยกภาวะ Sepsis และ Septic Shock ได้อย่างแม่นยำ (AUC ≈0.86, Accuracy =0.82) จากการนำแนวทาง RLU ไปประยุกต์ใช้คาดการณ์ว่าจะลดต้นทุนได้ร้อยละ 12.26 ต่อปี

สรุปและข้อเสนอแนะ: ควรมีการขยายผลการประยุกต์ใช้แนวทาง RLU กับห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ของโรงพยาบาลทุกขนาด เพื่อให้การสั่งตรวจทางห้องปฏิบัติการมีประสิทธิภาพและถูกต้องปลอดภัย คุ้มค่า และเกิดประโยชน์สูงสุดทั้งต่อผู้ป่วยและโรงพยาบาลอย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง

เอกสารอ้างอิง

Singer M, Deutschman C S, Seymour C W, Shankar-Hari M, Annane D, Bauer M, et al. The Third International Consensus Definitions for Sepsis and Septic Shock (Sepsis-3). JAMA. 2016;315(8):801-10.

Rudd K E, Johnson S C, Agesa K M, Shackelford K A, Tsoi D, Kievlan D R, et al. Global, regional, and national sepsis incidence and mortality, 1990–2017: Analysis for the Global Burden of Disease Study. Lancet. 2020;395(10219):200-11.

กองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข. รายงานผลการประเมินแผนปฏิบัติราชการกระทรวงสาธารณสุข สู่ความเป็นเลิศ ประจำปีงบประมาณ 2567. นนทบุรี: สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข; 2568.

Ministry of Public Health. 20-Year strategic plan of the Ministry of Public Health (B.E. 2561–2580) [Internet]. Nonthaburi: Ministry of Public Health; 2018 [cited 2025 Aug 13]. Available from: https://spd.moph.go.th/20-year-national-strategy-public-health/

Winkens R, Dinant G J. Evidence base of clinical diagnosis: Rational, cost effective use of investigations in clinical practice. BMJ. 2002;324(7340):783.

Mindemark M, Wernroth L, Larsson A. Costly regional variations in primary health care test utilization in Sweden. Scand J Clin Lab Invest. 2010;70(3):164-70.

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข. แนวทางการตรวจทางห้องปฏิบัติการทางการแพทย์อย่างสมเหตุผล (Rational Laboratory Use, RLU) ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ: กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์; 2568.

Tancharoen L, Pairattanakorn P, Thamlikitkul V, Angkasekwinai N. Epidemiology and burden of sepsis at Thailand’s largest university-based national tertiary referral center during 2019. Antibiotics (Basel). 2022;11(7):899.

Zhang X, Hu J, Zhao N. Stable atomic magnetometer in parity-time symmetry broken phase. Phys Rev Lett. 2023;130(2):023201.

วัชรพงษ์ เหลืองไพรัตน์. การใช้ค่าอัตราส่วนซีรั่มแลคเตตต่อแอลบูมินในการคาดคะเนอัตราการตายในผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสเลือดแบบรุนแรงและช็อกจากการติดเชื้อ. วารสารแพทย์เขต 4-5. 2563;39(2):252-62.

คัคนางค์ วะรงค์. อัตราส่วนแลคเตทต่ออัลบูมินในการพยากรณ์การเสียชีวิตของผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสเลือดหรือผู้ป่วยช็อกจากการติดเชื้อในโรงพยาบาลวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี. วารสารโรงพยาบาลมหาสารคาม. 202;21(2):123-36.

วรางคณา คำแปง, ปวีณา อินทร์สังข์, อรอุมา ศรีเสริม, และคณะ. ผลการปรับปรุงแนวทางส่งตรวจ panel test ในผู้ป่วย ICU ที่สงสัย sepsis. วารสารห้องปฏิบัติการทางการแพทย์. 2021;38(3):211-9.

กุศลาสัย สุราอามาตย์. การพัฒนารูปแบบการตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการอย่างสมเหตุผล โรงพยาบาลจตุรพักตร์พิมาน จังหวัดร้อยเอ็ด. วารสารวิจััยและพััฒนานวัตกรรมทางสุขภาพ. 2567;5(3):302-13.

ตุลาพร อินทนิเวศน์. การพัฒนาระบบการตรวจทางห้องปฏิบัติการอย่างสมเหตุผลตามแนวทาง RLU ของโรงพยาบาลลำพูน: การพัฒนาระบบการตรวจทางห้องปฏิบัติการอย่างสมเหตุผล. วารสารกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์. 2567;66(3):338-55.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-08-28

รูปแบบการอ้างอิง

1.
มณีวงศ์ ก. การศึกษารูปแบบการตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อวินิจฉัยภาวะติดเชื้อในกระเเสเลือด โรงพยาบาลจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่. J Res Health Inno Dev [อินเทอร์เน็ต]. 28 สิงหาคม 2025 [อ้างถึง 27 ธันวาคม 2025];6(2):479-92. available at: https://he01.tci-thaijo.org/index.php/jrhi/article/view/282048

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความต้นนิพนธ์