ผลของการให้บริบาลทางเภสัชกรรมในคลินิกผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะ 3-4 ร่วมกับโรคเบาหวาน ชนิดที่ 2 โรงพยาบาลเชียงขวัญ จังหวัดร้อยเอ็ด

ผู้แต่ง

  • คันธรส ขันเงิน โรงพยาบาลเชียงขวัญ

คำสำคัญ:

การบริบาลทางเภสัชกรรม, ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะ 3-4, โรคเบาหวานชนิดที่ 2

บทคัดย่อ

วัตถุประสงค์ : เพื่อเปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยความรู้เกี่ยวกับโรคไตเรื้อรัง ความรู้เกี่ยวยา ความร่วมมือ   ในการใช้ยา การสั่งใช้ยา ACEIs/ARBs และศึกษาผลลัพธ์ทางห้องปฏิบัติการและปัญหาจากการใช้ยา    

รูปแบบการวิจัย : เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง (Quasi-experimental study)

วัสดุและวิธีการวิจัย : กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 มีภาวะไตเสื่อมระยะที่ 3 และระยะที่ 4 ที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์การคัดเข้า และเกณฑ์คัดออก จำนวน 53 คน จำแนกเป็นกลุ่มทดลอง 27 คน และกลุ่มควบคุม 26 คน เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม และแบบทดสอบ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน Percentage differences และ Independent t-test กำหนดนับสำคัญทางสถิติที่ 95% Confidences Interval

ผลการวิจัย: กลุ่มตัวย่างทั้งหมด 53 คน หลังการทดลอง พบว่า กลุ่มทดลองมีผลลัพธ์ที่ดีกว่ากลุ่มควบคุมอย่างชัดเจนในสองด้านที่สำคัญ โดย กลุ่มทดลองมีคะแนนเฉลี่ยความรู้เกี่ยวกับยาสูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<.001) ผลลัพธ์ที่สำคัญที่สุดคือ ความร่วมมือในการใช้ยา ซึ่งกลุ่มทดลองมีคะแนนเฉลี่ยสูงถึง 10.81 คะแนน ขณะที่กลุ่มควบคุมมีคะแนนเฉลี่ยเพียง 7.88 คะแนน ความแตกต่างนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งทางสถิติ (p=.009) แสดงให้เห็นว่าการทดลองส่งผลโดยตรงต่อพฤติกรรมการใช้ยาของผู้ป่วยให้ดีขึ้น เมื่อพิจารณาในด้านความรู้เกี่ยวกับโรคไตเรื้อรังกลับไม่พบความแตกต่างระหว่างสองกลุ่ม (p=.370) แนวโน้มการปรับเปลี่ยนหรือการหยุดใช้ยากลุ่ม ACEIs/ARBs ที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มผู้ป่วยอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นข้อมูลเชิงประจักษ์ที่สำคัญสำหรับเภสัชกรในการทบทวนและวางแผนการใช้ยาของผู้ป่วย ผู้ป่วยรายเดิมที่มีการสั่งใช้ยา ACEIs/ARB 18 ราย แต่ระหว่างการติดตามผล พบว่ามี SCr เพิ่มขึ้น 2 ราย ค่า K เพิ่มขึ้น 1 ราย จึงหยุดใช้ยา คงเหลือผู้ป่วยที่ยังใช้ยา 15 ราย แต่หลังจากนั้นได้มีการทบทวนหลักเกณฑ์และพิจารณาสั่งเริ่มยา ACEIs/ARB อีก 4 ราย จึงยังคงมีผู้ป่วยใช้ยา ACEIs/ARB 19 ราย ผลการวิเคราะห์ชี้ให้เห็นว่า ปัญหาจากการใช้ยาที่สำคัญคือ การขาดยาที่จำเป็นในการรักษา (โดยเฉพาะ ACEIs/ARBs) และการจัดการความปลอดภัยจากการใช้ยา โดยมี Metformin เป็นยาที่ต้องเฝ้าระวังและประเมินความเหมาะสมในการใช้อย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษ

สรุปและข้อเสนอแนะ: ผลการวิจัยครั้งนี้ส่งผลให้ผลลัพธ์ทางสุขภาพส่วนใหญ่ของผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังดีขึ้น ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรนำองค์ความรู้นี้ไปใช้ในการพัฒนางานในองค์กร

เอกสารอ้างอิง

สมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย. คำแนะนำสำหรับการดูแลผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังก่อนการบำบัดทดแทนไต พ.ศ.2565 (ฉบับปรับปรุงเพิ่มเติม). กรุงเทพฯ: สมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย; 2565.

สุพรรณ ศรีธรรมมา. Thailand Medication Service Profile 2011-2014. นนทบุรี: กรมการแพทย์; 2567.

กมลทิพย์ วิจิตรสุนทรกุล. ระบาดวิทยาและการทบทวนมาตรการป้องกันโรคไตเรื้อรัง. นนทบุรี: กองโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค; 2565.

กฤษฎา หาญบรรเจิด. Kidney Health for All –Advancing Equitable Access to Care and Optimal Medication Practice: ครอบคลุม ทุกสิทธิ์ พิชิตโรคไต ใส่ใจการใช้ยา. นนทบุรี: กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข; 2567.

โรงพยาบาลเชียงขวัญ. ผลการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ปี พ.ศ.2567. กลุ่มงานยุทธศาสตร์. ร้อยเอ็ด: โรงพยาบาลเชียงขวัญ; 2567.

ลัดดาวัลย์ พิมพ์การ. ผลการพัฒนาการบริบาลทางเภสัชกรรมในผู้ป่วยไตเรื้อรังระยะ 1-4. โรงพยาบาลพรหมคีรี. วารสารสุขภาพและการศึกษา. 2566;3(1):84-97.

กัลยาณี วิทยา. ผลของการให้บริบาลทางเภสัชกรรมในผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังร่วมกับโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ในอำเภอบ้านโคก จังหวัดอุตรดิตถ์ [อินเทอร์เน็ต] [เข้าถึงเมื่อ 4 พฤศจิกายน 2567] เข้าถึงได้จาก: https://hpc2appcenter.anamai.moph.go.th/academic/web/files/2567/research/MA2567-005-01-0000001594-0000001737.pdf

สุธาบดี ม่วงมี. ผลของการบริบาลเภสัชกรรมต่อการชะลอการเสื่อมของไตในผู้ป่วยไตเรื้อรังร่วมกับโรคเบาหวานชนิดที่ 2 [อินเทอร์เน็ต] [เข้าถึงเมื่อ 4 พฤศจิกายน 2567] เข้าถึงได้จาก: http://ithesis-r.su.ac.th/dspace/bitstream/123456789/1170/1/56351203.pdf

พัชนี นวลช่วย. ผลของการให้บริบาลทางเภสัชกรรมต่อการควบคุมปัจจัยเสี่ยงต่อการเสื่อมของไตในผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง ณ โรงพยาบาลท่าศาลา [วิทยานิพนธ์]. สงขลา: มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์; 2555.

Cohen J. Statistical power-analysis for the behavioral sciences. New York: Department of Psychology New York University; 1998.

กมลชนก จงวิไลเกษม, สงวน ลือเกียรติบัณฑิต. การพัฒนาแบบวัดความร่วมมือในการใช้ยา สำหรับคนไทย. Thai Journal of Pharmacy Practice; 2562.

Mishore K M, Mekuria A N, Tola A, Ayele Y. Assessment of knowledge and attitude among pharmacists toward pharmaceutical care in Eastern Ethiopia. Biomed Res Int. 2020;2020:7657625.

Silva B B, Fegadolli C. Implementation of pharmaceutical care for older adults in the Brazilian public health system. BMC Health Serv Res. 2020;20(1):37.

Kopciuch D, Paczkowska A, Zaprutko T, Ratajczak P, Nowakowska E, Kus K. A survey of pharmacists' knowledge, attitudes and barriers in pharmaceutical care concept in Poland. BMC Med Educ. 2021;21(1):458.

KDIGO. Clinical practice guideline for diabetes management in chronic kidney disease. Kidney Int Suppl. 2022;12(1):S1-S128.

Monane M, Bohn R L, Gurwitz J H, Glynn R J, Levin R, Avorn J. The effects of initial drug choice and comorbidity on antihypertensive therapy compliance. Am J Hypertens. 1997;10(10):697-704.

Cazarim M D S, Freitas O, Penaforte T R. Impact assessment of pharmaceutical care in the management of hypertension and coronary risk factors after discharge. PLoS ONE. 2016;10(10):e0141371.

Agarwal R, Rossignol P, Romero A, Garza D, Mayo M R, Warren S, et al. Patiromer versus placebo to enable spironolactone use in patients with resistant hypertension and chronic kidney disease (AMBER): results in the pre-specified subgroup with diabetes. Diabetes Care. 2023;46(2):356-63.

Bhandari B, Rayamajhi G, Mishra P, et al. Barriers to prescribing ACE inhibitors/ARBs in chronic kidney disease: a qualitative study of South Asian physicians. BMJ Open. 2023;13(4):e069874.

Lytvyn Y, Bjornstad P, van Raalte D H, et al. The effect of ACE inhibitors and ARBs on kidney function in diabetes: a meta-analysis of randomized controlled trials. Lancet Diabetes Endocrinol. 2022;10(1):51-60.

Chen T K, Estrella M M, Fine D M. Risk factors for hyperkalemia in a cohort of patients with advanced chronic kidney disease. Am J Nephrol. 2021;52(2):115-23

Mc Cormick J R, Lee J L, Lal L S. Metformin use in chronic kidney disease: a clinical conundrum. J Pharm Pract. 2020;33(6):842-8.

Eppenga W L, Lalmohamed A, Geerts A F, et al. Risk of lactic acidosis or elevated lactate concentrations in metformin users with renal impairment: a population-based cohort study. Diabetes Care. 2021;44(4):993-1000.

Crowley M J, Diamantidis C J, McDuffie J R, et al. Clinical outcomes of metformin use in populations with chronic kidney disease, congestive heart failure, or chronic liver disease: a systematic review. Ann Intern Med. 2022;175(1):11-21.

Al Raiisi F, Stewart D, Fernandez-Llimos F, et al. Clinical pharmacy practice in the care of chronic kidney disease patients: a systematic review. Int J Clin Pharm. 2020;42(1):35-45.

Kidney Disease: Improving Global Outcomes (KDIGO). KDIGO 2022 clinical practice guideline for diabetes management in chronic kidney disease. Kidney Int. 2022;102(5S):S1-S12.7

Kang S H, Do J Y, Lee S Y, et al. Effect of a computerized alert system on the prescribing of renin-angiotensin system blockers in patients with chronic kidney disease. Kidney Res Clin Pract. 2023;42(1):96-105.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

เผยแพร่ 2025-07-27 — ปรับปรุง 2025-07-27

เวอร์ชัน

รูปแบบการอ้างอิง

1.
ขันเงิน ค. ผลของการให้บริบาลทางเภสัชกรรมในคลินิกผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะ 3-4 ร่วมกับโรคเบาหวาน ชนิดที่ 2 โรงพยาบาลเชียงขวัญ จังหวัดร้อยเอ็ด. J Res Health Inno Dev [อินเทอร์เน็ต]. 27 กรกฎาคม 2025 [อ้างถึง 27 ธันวาคม 2025];6(2):399-413. available at: https://he01.tci-thaijo.org/index.php/jrhi/article/view/281304

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความต้นนิพนธ์