ประสิทธิผลของการนวดราชสำนักโดยใช้น้ำมันไพลในผู้ป่วยที่มีอาการข้อไหล่ติด ในโรงพยาบาลร้อยเอ็ด
คำสำคัญ:
การนวดราชสำนัก, มันไพล, ผู้ป่วยข้อไหล่ติดบทคัดย่อ
วัตถุประสงค์ : เพื่อศึกษาประสิทธิผลของการนวดราชสำนักโดยใช้น้ำมันไพลในผู้ป่วยที่มีอาการข้อไหล่ติด ในโรงพยาบาลร้อยเอ็ด
รูปแบบการวิจัย : การวิจัยกึ่งทดลอง (Quasi – experimental research)
ระเบียบวิธีการวิจัย : กลุ่มตัวอย่าง เป็นผู้ป่วยที่มีอาการข้อไหล่ติด ที่มารับการรักษาที่กลุ่มงานแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก โรงพยาบาลร้อยเอ็ด จำนวน 60 คน โดยแบ่งเป็นกลุ่มทดลอง 30 คน และกลุ่มควบคุม 30 คน ดำเนินการระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2568 – 31 พฤษภาคม 2568 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) เครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง คือ การนวดไทยแบบราชสำนักโดยใช้น้ำมันไพล 2) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสอบถามข้อมูลทั่วไป แบบประเมินอาการปวดกล้ามเนื้อ และแบบวัดองศาการเคลื่อนไหวของคอ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ ได้แก่ สถิติเชิงพรรณนา และสถิติอนุมาน Paired sample t-test และ Independent t-test กำหนดระดับนัยสำคัญทางสถิติ p<.05
ผลการวิจัย : หลังการทดลอง กลุ่มที่ได้รับการนวดราชสำนักโดยใช้น้ำมันไพล และกลุ่มควบคุมมีคะแนนความปวดแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<.001) โดยกลุ่มที่ได้รับการนวดราชสำนักโดยใช้น้ำมันไพล มีคะแนนความปวดน้อยกว่า 3.06 คะแนน (95% CI : 2.40, 3.73) องศาการเคลื่อนไหวของคอหลังการทดลอง ระหว่างกลุ่มที่ได้รับการนวดราชสำนักโดยใช้น้ำมันไพล และกลุ่มควบคุม หลังการทดลองในสัปดาห์ที่ 4 กลุ่มที่ได้รับการนวดราชสำนักโดยใช้น้ำมันไพล และกลุ่มควบคุม มีองศาการก้มคอ องศาการเงยคอ องศาการเอียงด้านซ้าย และองศาการเอียงด้านขวา แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p <.001)
สรุปและข้อเสนอแนะ : การบำบัดรักษาด้วยการนวดราชสำนักโดยใช้น้ำมันไพล ส่งผลให้ผู้ป่วยที่มีอาการข้อไหล่ติด มีอาการปวดกล้ามเนื้อลดลง และเพิ่มองศาของการเคลื่อนไหวบริเวณคอได้ดีมากขึ้น จึงควรมีการกำกับติดตามอาการอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ยั่งยืน
เอกสารอ้างอิง
คัญฑมารา สิทธิไกรพงษ์ และคณะ. การศึกษาประสิทธิผลของการนวดไทยรักษาโรคนิ้วไกปืน. ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพแผนไทย สถาบันการแพทย์แผนไทย กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข; 2552.
นิลุบล ลือชาเกียรติศักดิ์. การฟื้นฟูภาวะข้อไหล่ติดในผู้สูงอายุในเขตโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี. วารสารวิชาการแพทย์เขต 11. 2566;37(1):121-36.
กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข. รูปแบบการดูแลสุขภาพระยะกลางของผู้สูงอายุในประเทศไทย (ฉบับปรับปรุง) Intermediate Care Model for Elderly people of Thailand. กรุงเทพฯ: บียอนด์ พับลิสชิ่ง; 2562.
Heinisch O. Cochran W G.: Sampling Techniques, 2. Aufl. John Wiley and Sons, New. York, London 1963. Preis s. Biometrische Zeitschrift. 1965;7(3):203.
สุรศักดิ์ สิงห์ชัย, สุพัตรา ศรีไชยรัตน์, สุรีย์ ศุภลักษณ์นารี. ประสิทธิผลของการรักษาข้อไหล่ติดแบบผสมผสานด้วยการนวดราชสำนักและการใช้ยาเถาวัลย์เปรียงชนิดแคปซูล. การประชุมนำเสนอผลงานวิจัยระดับบัณฑิตศึกษา ครั้งที่ 13 ปีการศึกษา 2561. บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยรังสิต; 3112-21.
กลุ่มงานส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร สถาบันการแพทย์แผนไทย กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข. แนวทางเวชปฏิบัติการแพทย์แผนไทยในสถานบริการสาธารณสุขของรัฐ. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก; 2552.
Thai Association for the Study of Pain. (2009). Shot-form McGill Pain Questionnaire. l. [อินเทอร์เน็ต]. 2567 [เข้าถึงเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2568]. เข้าถึงได้จาก: http://www.pain-tasp.com
Chotigavanich C. Physical Examination in Orthopaedics. Faculty of Medicine Siriraj Hospital, Mahidol University. Bangkok; 1988.
อำพล บุญเพียร, ลดาวัลย์ อุ่นประเสริฐพงศ์ นิชโรจน์. การศึกษาประสิทธิผลของการนวดด้วยน้ำคั้นไพลและน้ำมันไพลต่ออาการปวดกล้ามเนื้อคอ บ่า ไหล่ในนักศึกษาวิทยาลัยเทคโนโลยีทางการแพทย์และสาธารณสุข กาญจนาภิเษก. วารสารเครือข่ายวิทยาลัยพยาบาลและการสาธารณสุขภาคใต้. 2562;6(1):121-30.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด
บทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารวิจัย และพัฒนานวัตกรรมทางสุขภาพ สํานักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด ถือเป็น ผลงานวิชาการ งานวิจัย วิเคราะห์ ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้ประพันธ์ กองบรรณาธิการไม่จําเป็นต้องเห็น ด้วยเสมอไป และผู้ประพันธ์จะต้องรับผิดชอบต่อบทความของตนเอง