การพัฒนารูปแบบการเสริมสร้างศักยภาพบุคลากรในการดูแลผู้ป่วยฉุกเฉินที่มีภาวะวิกฤติ ระหว่างการส่งต่อโรงพยาบาลเมยวดี จังหวัดร้อยเอ็ด
คำสำคัญ:
การส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉิน, การเสริมสร้างศักยภาพบุคลากร, การพัฒนารูปแบบ, โรงพยาบาลชุมชนบทคัดย่อ
วัตถุประสงค์ : การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและประเมินผลรูปแบบการเสริมสร้างศักยภาพบุคลากรในการดูแลผู้ป่วยฉุกเฉินที่มีภาวะวิกฤติระหว่างการส่งต่อโรงพยาบาลเมยวดี จังหวัดร้อยเอ็ด
รูปแบบการวิจัย : การวิจัยเชิงปฏิบัติการ
วัสดุและวิธีการวิจัย : ใช้วิธีการวิจัยเชิงปฏิบัติการในกลุ่มตัวอย่างพยาบาลวิชาชีพและเจ้าพนักงานฉุกเฉินการแพทย์ จำนวน 29 คน ณ โรงพยาบาลเมยวดี จังหวัดร้อยเอ็ด กระบวนการพัฒนารูปแบบประกอบด้วยการฝึกอบรมเพื่อเพิ่มพูนองค์ความรู้ ทักษะการปฏิบัติ และการจัดทำคู่มือแนวทางปฏิบัติงาน
ผลการวิจัย : การพัฒนารูปแบบการเสริมสร้างศักยภาพบุคลากรประกอบด้วย 4 กิจกรรมหลัก ได้แก่ 1) การจัดอบรมวิชาการด้านการดูแลผู้ป่วยวิกฤติฉุกเฉิน 2) การฝึกทักษะภาคปฏิบัติแบบเรียนรู้จากพี่สู่น้อง 3) การจัดทำแนวทางการเตรียมและให้ยาฉุกเฉิน และ 4) การจัดทำคู่มือแนวทางปฏิบัติการส่งต่อผู้ป่วยวิกฤติฉุกเฉิน ภายหลังการนำรูปแบบไปทดลองใช้ พบว่าคะแนนเฉลี่ยความรู้ของบุคลากรเพิ่มขึ้นจาก 14.72 (SD. = 1.8) เป็น 17.48 (SD. = 1.3) คะแนน ส่วนคะแนนทักษะการปฏิบัติเพิ่มจาก 19.28 (SD. = 2.3) เป็น 24.59 (SD. = 1.1) คะแนน ซึ่งทั้งสองด้านมีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < .001) นอกจากนี้ ความล่าช้าในการส่งต่อผู้ป่วยลดลงจากเฉลี่ย 60.0 ± 10.5 นาที เป็น 45.0 ± 7.8 นาที และอุบัติการณ์เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ลดลงจาก 5.0% ± 1.2% เหลือเพียง 2.0% ± 0.5% การพัฒนารูปแบบนี้ยังส่งผลให้บุคลากรมีความพึงพอใจในระดับสูง โดยให้คะแนนเฉลี่ย 4.90 (SD. = 0.310) จากคะแนนเต็ม 5 คะแนน
สรุปและข้อเสนอแนะ : การศึกษานี้แสดงให้เห็นว่ารูปแบบการพัฒนาศักยภาพบุคลากรดังกล่าวสามารถเพิ่มพูนความรู้และทักษะของบุคลากร ลดความล่าช้าในการส่งต่อ และเพิ่มความปลอดภัยของผู้ป่วยได้อย่างมีนัยสำคัญ ผลการวิจัยมีข้อเสนอแนะให้ขยายผลการนำรูปแบบนี้ไปใช้ในโรงพยาบาลชุมชนอื่น ๆ เพื่อยกระดับคุณภาพการส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉินในระดับประเทศต่อไป
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงสาธารณสุข. คู่มือแนวทางการพัฒนาระบบรับส่งต่อผู้ป่วย. กรุงเทพฯ: สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข; 2562.
กระทรวงสาธารณสุข. แผนพัฒนาระบบบริการสุขภาพ [อินเทอร์เน็ต]. 2562 [เข้าถึงเมื่อ 16 ตุลาคม 2567]. เข้าถึงได้จาก: https://www.moph.go.th/
กองบริหารการสาธารณสุข สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข. คู่มือแนวทางการพัฒนาระบบรับส่งต่อผู้ป่วย. พิมพ์ครั้งที่ 1. นนทบุรี: สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข; 2562.
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด. รายงานประจำปี 2566. ร้อยเอ็ด: สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด; 2566.
สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ. การปฏิบัติการส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉินระหว่างสถานพยาบาล. นนทบุรี: บริษัทอัลทิเมท พริ้นติ้ง จำกัด; 2557.
จักรพงศ์ ปิติโชคโภคินท์, มยุนา ศรีสุภนันต์, สุรีย์ จันทรโมรี, ประภาเพ็ญ สุวรรณ. การพัฒนารูปแบบการส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉินที่มีภาวะวิกฤติ โรงพยาบาลนาตาล จังหวัดอุบลราชธานี. วารสารการพยาบาลและการดูแลสุขภาพ. 2562;37(1):88-97.
จักรพงศ์ ปิติโชคโภคินท์, สุภาภรณ์ ทองทับ, วัชราภรณ์ บุญญฤทธิ์. การพัฒนาระบบการส่งต่อผู้ป่วยวิกฤติ. วารสารพยาบาลสงขลานครินทร์. 2562;39(4):53-64.
สุภาวดี สุทธิอาจ. ผลของโปรแกรมการอบรมเชิงปฏิบัติการต่อความรู้ ทักษะ และความพึงพอใจของพยาบาลในการดูแลผู้ป่วยวิกฤติระหว่างการส่งต่อ. วารสารการพยาบาลและการดูแลสุขภาพ. 2566;41(1):135-47.
ดุษฎี อรรจน์อังกูร. ความต้องการในการพัฒนาตนเองของพยาบาลวิชาชีพ ในโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง [สารนิพนธ์]. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ; 2561.
Schneider K, Williams M, Mohr N M, Ahmed A. Rural Emergency Medical Services Clinicians' Perceptions and Preferences in Receiving Clinical Feedback From Hospitals: A Qualitative Needs Assessment. Prehosp Emerg Care. 2024;28(5):735-44.
Zhu X, Merchant K A S, Mohr N M, Wittrock A J, Bell A L, Ward M M.. Real-time learning through telemedicine enhances professional training in rural emergency departments. Telemed J E Health. 2021;27(12):441-7.
ทิพย์วิภา สังข์อินทร์, ภาณุ อดกลั้น, นุชนารถ ศรีนาค. การพัฒนาระบบส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉินแบบครบวงจร โรงพยาบาลนครพนม. วารสารโรงพยาบาลนครพนม. 2563;8(2):94-104.
ปรานต์พนิตา นาสูงชน. การพัฒนาแนวปฏิบัติการพยาบาลในการดูแลผู้ป่วยวิกฤติฉุกเฉินที่มารับบริการที่ห้องอุบัติเหตุและฉุกเฉิน ในสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 โรงพยาบาลกุมภวาปี. วารสาร โรงพยาบาลสกลนคร. 2565;25(2):15-25.
Huang, K, Chang W T, Chen W J, et al. Impact of Emergency Training on Knowledge and Skills in Managing STEMI Patients. Journal of Emergency Medicine. 2020; 59(3):356-64.
Huang K, Chang W T, Chen W J, et al. Enhancing Emergency Patient Transfer Efficiency through Training Programs. Journal of Emergency Medicine. 2021;60(2): 189-98.
วรรนิษา มักมะยม. การพัฒนาพยาบาลให้เป็นบุคลากรที่มีศักยภาพสูง โรงพยาบาลตติยภูมิ [วิทยานิพนธ์]. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย; 2561.
ปารินันท์ คงสมบูรณ์, วรวุฒิ ชาวทอง, สมศรี เขียวอ่อน. การพัฒนาระบบการพยาบาลผู้ป่วยวิกฤตฉุกเฉินในระบบส่งต่อระหว่างสถานพยาบาลจังหวัดนครสวรรค์. วารสารกองการพยาบาล. 2566;50(2):45-59.
เศรษฐพงษ์ ธนูรัตน. แนวปฏิบัติเพื่อการส่งต่อผู้ป่วยระหว่างโรงพยาบาล เขตสุขภาพที่ 7. ฉบับปรับปรุง ครั้งที่ 2. ขอนแก่น: โรงพยาบาลขอนแก่น; 2562.
นวลทิพย์ ธีระเดชากุล, พัชรี คำมุงคุล, ธิดารัตน์ เชียมรัมย์. การพัฒนารูปแบบการพยาบาลกลุ่มผู้ป่วยฉุกเฉินระดับ 3 (Urgent) ในงานอุบัติเหตุและฉุกเฉิน โรงพยาบาลบุรีรัมย์. วารสารการแพทย์โรงพยาบาลศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์. 2564;36(1):191-205.
Wang W, Liu X, Shen X, Zhang J, Zhang F. Emergency patients' satisfaction with humanistic caring and its associated factors in Chinese hospitals: a multi-center cross-sectional study [Internet]. Front Public Health. 2024 [cited 2025 Mar 11]. Available from: https://www.frontiersin.org/journals/public-health/articles/10.3389/fpubh.2024.1414032/full
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
เวอร์ชัน
- 2025-03-30 (3)
- 2025-03-30 (2)
- 2025-03-30 (1)
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด
บทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารวิจัย และพัฒนานวัตกรรมทางสุขภาพ สํานักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด ถือเป็น ผลงานวิชาการ งานวิจัย วิเคราะห์ ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้ประพันธ์ กองบรรณาธิการไม่จําเป็นต้องเห็น ด้วยเสมอไป และผู้ประพันธ์จะต้องรับผิดชอบต่อบทความของตนเอง