การพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับยาระงับความรู้สึกแบบทั่วไปเพื่อผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดีด้วยวิธีส่องกล้อง : กรณีศึกษาเปรียบเทียบ 2 ราย
คำสำคัญ:
การพยาบาลวิสัญญี, การระงับความรู้สึกแบบทั่วไป, การผ่าตัดด้วยวิธีส่องกล้องบทคัดย่อ
วัตถุประสงค์ : เพื่อวิเคราะห์และศึกษาแนวทางการประเมินผู้ป่วยค้นหาปัญหา ความเสี่ยงตลอดจนการวางแผนการพยาบาลเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นในทุกระยะของการได้รับยาระงับความรู้สึกแบบทั่วไปในผู้ป่วยที่มารับการผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดีด้วยวิธีส่องกล้องตั้งแต่แรกรับจนถึงจำหน่าย
รูปแบบการศึกษา : เป็นการศึกษาข้อมูลผู้ป่วยรายกรณี ศึกษาเปรียบเทียบกัน 2 ราย
วัสดุและวิธีการวิจัย : ทำการศึกษาในรูปแบบกรณีศึกษา เลือกผู้ป่วยโรคนิ่วในถุงน้ำดีชนิดไม่อักเสบรับการนัดผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดีด้วยวิธีส่องกล้องและได้รับยาระงับความรู้สึกแบบทั่วไปในงานการพยาบาลห้องผ่าตัดและวิสัญญีโรงพยาบาลเสลภูมิระหว่างเดือนมกราคม 2567 - เดือนมีนาคม 2567 ศึกษาจากการปฏิบัติงานและจากเวชระเบียนผู้ป่วยใน โดยทำการศึกษาผู้ป่วย 2 ราย เพื่อเปรียบเทียบกัน
ผลการศึกษา : จากการประเมินภาวะสุขภาพผู้ป่วยทั้ง 2 ราย มีประเด็นที่เหมือนและแตกต่างกัน ผู้ศึกษาจึงได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลโดยนำเอาแนวคิดกระบวนการพยาบาล มากำหนดข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลทั้งในระยะก่อน ขณะ หลัง และระยะฟื้นฟูหลังการให้ยาระงับความรู้สึกที่ครอบคลุมทั้งด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคมและจิตวิญญาณ เน้นการให้ข้อมูลแก่ผู้ป่วยและญาติ ให้ความสำคัญในเรื่องการสื่อสารกับทีมสุขภาพ ภายใต้ความรู้ ทักษะและประสบการณ์จากการปฏิบัติงานการให้ยาระงับความรู้สึกแบบทั่วไปในการผ่าตัดด้วยวิธีส่องกล้อง พบว่าผู้ป่วยมีความปลอดภัย ไม่มีภาวะแทรกซ้อน ตั้งแต่แรกรับจนถึงจำหน่าย
สรุปและข้อเสนอแนะ : กรณีศึกษานี้สามารถใช้เป็นแนวทางในการให้การพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับยาระงับความรู้สึกแบบทั่วไปเพื่อผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดีด้วยวิธีส่องกล้อง
เอกสารอ้างอิง
อรรถสิทธิ์ ศรีสุบัติ, ยศ ตีระวัฒนานนท์, ทวี รัตนชูเอก, รัชมน ภิญโญเทพประทาน, สุรวุฒิ ไผ่ประเสริฐ, องอาจ วิจินธนสาร, และคนอื่นๆ. การประเมินทางเศรษศาสตร์การผ่าตัดผ่านกล้องเปรียบเทียบกับการผ่าตัดแบบเปิดในการรักษานิ่วในถุงน้ำดี [อินเทอร์เน็ต]. กรุงเทพฯ: สถาบันวิจัยและประเมินเทคโนโลยีทางการแพทย์ [เข้าถึงเมื่อ 8 กรกฎาคม 2567]. เข้าถึงได้จาก: https://www.dms.go.th/backend//Content/Content_File/Research/Attach/25640705131439PM
ดรินทร์ โล่สิริวัฒน์. นิ่วในถุงน้ำดี [อินเทอร์เน็ต]. กรุงเทพฯ: ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล; 2553. [เข้าถึงเมื่อ 8 กรกฎาคม 2567]. เข้าถึงได้จาก: http://www.si.mahidol.ac.th
Mandee S. “Providing full – body Anesthesia.” Anesthesia and Perioperative Care. Bangkok: P.A. Living; 2020. p. 93-100.
Tumthong P. “Anesthesiology and Perioperative care”. Anesthesia and Perioperative Care. Bangkok: P. A. Living; 2017. p. 1-8.
ธันต์ชนก วนสุวรรณกุล, วิรัตน์ วศินวงศ์, ธวัช ชาญชญานนท์. วิสัญญีวิทยาคลินิก. พิมพ์ครั้งที่ 2. สงขลา: ชานเมืองการพิมพ์; 2555.
ธวัช ชาญชญานนท์. Anesthesia for Laboroscope [อินเทอร์เน็ต]. สงขลา: คณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัย สงขลานครินทร์ [เข้าถึงเมื่อ 7 กรกฎาคม 2567]. เข้าถึงได้จาก: http://medinfo2.psu.ac.th/anesth/education/laparoscopic.htm
งานเวชระเบียนและสถิติ. สถิติงานห้องผ่าตัดวิสัญญีโรงพยาบาลเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด ประจำปี 2567. โรงพยาบาลเสลภูมิ; 2567.
รัชนก คชไกร, เวหา เกษมสุข. การประเมินภาวะสุขภาพสำหรับพยาบาล. กรุงเทพฯ: เอ็นพีเพรช; 2562.
พรศิริ พันธศรี.กระบวนการพยาบาล & แบบแผนสุขภาพ : การประยุกต์ใช้ทางคลินิก Nursing process & functional health pattern: application in clinical practice. พิมพ์ครั้งที่ 24. กรุงเทพฯ: คณะพยาบาลศาสตร์วิทยาลัยเซนต์หลุยส์; 2563.
สำนักการพยาบาล กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข. มาตรฐานการบริการพยาบาล. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก; 2551.
นันทิยา นนทภา, สุพรรณี แน่นอุดร. การพัฒนาแนวทางปฏิบัติการพยาบาลการเตรียมความพร้อมผู้รับบริการก่อนได้รับยาระงับความรู้สึกโรงพยาบาลเสลภูมิ. วารสารอนามัยสิ่งแวดล้อมและสุขภาพชุมชน. 2567;9(1):241-48.
วิลาวัลย์ อึงพินิจพงษ์. การประเมินความวิตกกังวลก่อนการได้รับการผ่าตัดและยาระงับความรู้สึกของผู้ป่วยในโรงพยาบาลสุรินทร์.วารสารการแพทย์ โรงพยาบาลศีรษะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์. 2546;18(3):35-48.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
เวอร์ชัน
- 2025-02-09 (2)
- 2025-02-09 (1)
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด
บทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารวิจัย และพัฒนานวัตกรรมทางสุขภาพ สํานักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด ถือเป็น ผลงานวิชาการ งานวิจัย วิเคราะห์ ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้ประพันธ์ กองบรรณาธิการไม่จําเป็นต้องเห็น ด้วยเสมอไป และผู้ประพันธ์จะต้องรับผิดชอบต่อบทความของตนเอง