ผลของโปรแกรมการเสริมสร้างพลังอำนาจและการดูแลต่อเนื่องที่บ้านที่มีต่อระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวานในศูนย์สุขภาพชุมชนเมือง โรงพยาบาลร้อยเอ็ด

ผู้แต่ง

  • ระเบียบ พิพัฒนมงคล โรงพยาบาลร้อยเอ็ด

คำสำคัญ:

ผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่2, โปรแกรมการเสริมสร้างพลังอำนาจ, การดูแลต่อเนื่องที่บ้าน

บทคัดย่อ

วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาการเสริมสร้างพลังอำนาจและการดูแลต่อเนื่องที่บ้านที่มีต่อระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวานในศูนย์สุขภาพชุมชนเมือง  โรงพยาบาลร้อยเอ็ด

รูปแบบการวิจัย: การวิจัยและพัฒนา (Research and Development)

วัสดุและวิธีการวิจัย: กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ขึ้นทะเบียนรับการรักษาที่ศูนย์สุขภาพชุมชนเมือง โรงพยาบาลร้อยเอ็ด ต่อกัน 1 ปีขึ้นไป ที่มีระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสมในเลือด

(HbA1c)  ≥ 7 mg % จำนวน 50 คน ซึ่งได้มาจากการเลือกแบบเฉพาะเจาะจง (Purposive sampling)  เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นแบบสอบถาม  แบบทดสอบความรู้และแบบสอบถามพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยเบาหวาน รูปแบบการวิจัยเป็นแบบกลุ่มตัวอย่างเดียววัดก่อน-หลัง  ติดตามดูแลต่อเนื่องที่บ้านเป็นรายบุคคล โดยใช้โปรแกรมการเสริมสร้างพลังอำนาจของ Gibson คือ การค้นหาปัญหา การสร้างความตระหนักในปัญหา การมีส่วนร่วมตัดสินใจและเลือกแนวทางปฏิบัติ และ การคงไว้ซึ่งการปฏิบัติที่มีประสิทธิภาพ และติดตามประเมินความต่อเนื่องของการปฏิบัติในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดูแลตนเองที่เหมาะสม ดำเนินการศึกษาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2562 – เดือนเมษายน 2563  วิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูป โดยใช้สถิติพรรณนา จำนวน ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบ ค่าเฉลี่ย ก่อนและหลังการศึกษาเกี่ยวกับความรู้  พฤติกรรมการปฏิบัติและระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสมในเลือด(HbA1c) โดยใช้ Paired sample t – test ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ .05

ผลการวิจัย: หลังการศึกษากลุ่มตัวอย่างมีค่าเฉลี่ยความรู้ และพฤติกรรมดีขึ้นทุกด้าน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value < .001) ส่วนค่าระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสมในเลือด(HbA1c) ลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value <.001)

สรุปและข้อเสนอแนะ:  โปรแกรมการเสริมสร้างพลังอำนาจและการติดตามดูแลต่อเนื่องที่บ้าน ทำให้ผู้ป่วยเบาหวานมีความรู้ความสามารถในการดูแลตนเองเพิ่มขึ้น  เกิดความตระหนักในปัญหาสุขภาพของตน  มีส่วนร่วมในการเลือกวิธีปฏิบัติที่เหมาะสมกับสุขภาพและสอดคล้องกับบริบทของตนเอง ทำให้เกิดการปฏิบัติปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างต่อเนื่อง และมีผลต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วย จึงควรนำไปใช้ในการดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรังอื่นต่อไป

References

1.สำนักโรคไม่ติดต่อ ข้อมูลโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง. Journal of Advanced Nursing. [อินเทอร์เน็ต]. 1991; 16: 354-61. เข้าถึงได้จาก: http://www.thaincd.com/information-statistic/non-communicable-disease data.php Gibson, C.H.
2.ทักษพล ธรรมรังสี. รายงานสถานการณ์โรค NCDs วิกฤตสุขภาพ วิกฤตสังคม. นนทบุรี: สำนักวิจัย นโยบายสร้างเสริมสุขภาพ (สวน.) สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ (International Health policy Program); 2557.
3.ปรีดา กังแฮและคณะ. ประสิทธิผลของโปรแกรมการเสริมสร้างพลังอำนาจในการจัดการตนเองต่อความรู้พฤติกรรมและการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่2 โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลโคกหล่อ อำเภอเมือง จังหวัดตรัง; 2557.
4.อัมพิกา มังคละพฤกษ์. ผลการบริโภคข้าวเหนียวต่อการควบคุมโรคเบาหวานชนิดที่2 ในประชากรภาคเหนือของประเทศไทย. สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่; 2546.
5.สมหวัง ซ้อนงามและคณะ. พฤติกรรมการบริโภคอาหารของผู้ป่วยเบาหวานที่มีผล HbA1C มากกว่า 7 ของอำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก; 2556.
6.หรรษลักษณ์ แววบุตร. การประยุกต์ใช้โปรแกรมการเสริมสร้างพลังอำนาจเพื่อปรับพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วย เบาหวานชนิดที่ 2 ศูนย์สุขภาพชุมชนบ้านนาบัว อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์.[วิทยานิพนธ์]. มหาสารคาม: มหาวิทยาลัยมหาสารคาม; 2553.

Downloads

เผยแพร่แล้ว

2020-02-28