พฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนและผลกระทบต่อดวงตาของนิสิตปริญญาตรี คณะวิทยาการสุขภาพและการกีฬา มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุง

บทคัดย่อ

บทนำ: การใช้สมาร์ทโฟนเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันโดยเฉพาะนิสิตในมหาวิทยาลัยที่สามารถนำมาใช้งานควบคู่กับการเรียนการสอนได้ อย่างไรก็ตามการใช้งานสมาร์ทโฟนอาจมีผลเสียต่อสุขภาพทางสายตาถ้ามีการใช้งานไม่เหมาะสม ผู้วิจัยจึงสนใจศึกษาพฤติกรรมและผลกระทบต่อดวงตาจากการใช้งานสมาร์ทโฟนของนิสิตปริญญาตรี

วิธีการศึกษา: การวิจัยเชิงสำรวจ กลุ่มตัวอย่างเป็นนิสิตปริญญาตรี คณะวิทยาการสุขภาพและการกีฬา มหาวิทยาลัยทักษิณ จำนวน 274 คน เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถาม 3 ส่วน คือ ข้อมูลทั่วไป พฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟน และผลกระทบต่อดวงตาจากการใช้งานสมาร์ทโฟน ค่าดัชนีความตรงตามเนื้อหาเท่ากับ 0.74 และ ค่าความเชื่อมั่นของสัมประสิทธิ์ครอนบาคเท่ากับ 0.80 สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และ ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน

ผลการศึกษา : พฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนในภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง (2.83±0.82) โดยมีพฤติกรรมบางข้อที่อยู่ในระดับแย่ ได้แก่ การหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูก่อนเป็นอันดับแรกเวลาตื่นนอน (3.09±0.85) การหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่นเวลาว่าง (3.22±0.77) การพกพาโทรศัพท์มือถือตลอดเวลา (3.32 ±0.78) การจ้องหน้าจอโทรศัพท์มือถือนานกว่า 15 นาที (3.07±0.84) และการใช้นิ้วใดนิ้วหนึ่งขณะใช้โทรศัพท์มือถือเป็นเวลานานกว่า 15 นาที (3.02±0.77) ผลกระทบต่อดวงตาจากการใช้สมาร์ทโฟนในภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง (2.20±0.84) ได้แก่ อาการแสบตา (2.34±0.83) อาการตาล้า (2.32±0.84) อาการตาเบลอ (2.28±0.83) หลังจากใช้สมาร์ทโฟนเป็นเวลานานกว่า 1 ชั่วโมง ตาพร่ามัว (2.28±0.87) อาการปวดศีรษะ (2.24±0.84) ตาแห้ง (2.18±0.83) และไม่สนใจสิ่งรอบข้างขณะใช้สมาร์ทโฟน (2.22±0.83)   

สรุปผล: การใช้สมาร์ทโฟนของนิสิตส่งผลกระทบต่อดวงตา เช่น อาการแสบตา อาการตาล้า และอาการตาเบลอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในนิสิตที่มีการใช้สมาร์ทโฟนในชีวิตประจำวันเป็นเวลานาน จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีมาตรการป้องกันและควบคุมเพื่อลดผลกระทบต่อดวงตา และส่งเสริมสุขภาพตาที่ดี