การพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลเฝ้าระวังสถานการณ์ระดับไอโอดีนในปัสสาวะหญิงตั้งครรภ์
คำสำคัญ:
แพลตฟอร์มดิจิทัล, การเฝ้าระวัง, ไอโอดีน, หญิงตั้งครรภ์บทคัดย่อ
การขาดสารไอโอดีนในหญิงตั้งครรภ์เป็นปัญหาสำคัญด้านสาธารณสุขที่ส่งผลโดยตรงต่อพัฒนาการของทารกในครรภ์ การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลสำหรับเฝ้าระวังระดับไอโอดีนในปัสสาวะหญิงตั้งครรภ์ โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการเก็บรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ และการรายงานผลอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มความแม่นยำและความรวดเร็วในการประเมินสถานการณ์ระดับไอโอดีนในปัสสาวะ ประโยชน์เพื่อการวางแผนและกำหนดนโยบายป้องกันการขาดสารไอโอดีนอย่างเป็นระบบ กระบวนการพัฒนาแพลตฟอร์มประกอบด้วย 6 ขั้นตอน ได้แก่ 1) การศึกษาความต้องการของผู้ใช้งาน 2) การพัฒนาต้นแบบ 3) การทดลองใช้งานต้นแบบ 4) การปรับปรุงแพลตฟอร์ม 5) การนำไปใช้งานจริง และ 6) การประเมินผลการใช้งาน กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วยผู้ใช้งานจากคลินิกฝากครรภ์ ห้องปฏิบัติการ และหน่วยงานระดับอำเภอ จังหวัด และเขตสุขภาพ เก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามและการสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ข้อมูลเชิงคุณภาพใช้การวิเคราะห์เชิงเนื้อหา ผลการศึกษาพบว่าแพลตฟอร์มดิจิทัลที่พัฒนาขึ้นมีคุณภาพในระดับสูง (ค่าเฉลี่ย = 4.02, SD = 0.57) โดยผลการวิเคราะห์ที่นำเสนอในแพลตฟอร์มมีความถูกต้องและสอดคล้องกับการประเมินของผู้เชี่ยวชาญ นอกจากนี้ ความพึงพอใจของผู้ใช้งานอยู่ในระดับมาก (ค่าเฉลี่ย = 3.97, SD = 0.71) แพลตฟอร์มช่วยลดเวลาการทำงานและเพิ่มความแม่นยำในการวิเคราะห์ผลเชิงสถานการณ์ระดับไอโอดีนในปัสสาวะหญิงตั้งครรภ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 7 นอกจากนี้แพลตฟอร์มยังมีศักยภาพในการขยายผลสู่การใช้งานระบบเฝ้าระวังระดับประเทศ การศึกษานี้แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีดิจิทัลมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบเฝ้าระวังและป้องกันภาวะขาดสารไอโอดีนในหญิงตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญสำหรับการพัฒนาทุนด้านสุขภาพและระดับสติปัญญาของเด็ก
เอกสารอ้างอิง
สำนักโภชนาการ กรมอนามัย. ปริมาณสารอาหารอ้างอิงที่ควรได้รับประจำวันสำหรับคนไทย พ.ศ. 2563 (Dietary Reference Intake For Thais 2020). กรุงเทพฯ: ห้างหุ้นส่วนจำกัดเอ.วี.โปร เกรสซีฟ; 2563.
World Health Organization. Assessment of iodine deficiency disorders and monitoring their elimination: a guide for programme managers. 3rd ed. Geneva: WHO; 2007.
สำนักโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. แนวทางการดำเนินงานการควบคุมและป้องกันโรคขาดสารไอโอดีน สำหรับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข. กรุงเทพฯ: บริษัทสามเจริญพาณิชย์ (กรุงเทพ) จำกัด; 2563.
กรมอนามัย และ UNICEF Thailand. รายงานการศึกษาผลของการให้ยาเม็ดเสริมไอโอดีนต่อภาวะโภชนาการไอโอดีนในหญิงตั้งครรภ์. กรุงเทพฯ: บริษัทสามเจริญพาณิชย์ (กรุงเทพ) จำกัด; 2562.
Pino S, Fang SL, Braverman LE. Ammonium persulfate: a safe alternative oxidizing reagent for measuring urinary iodine. Clin Chem. 1996;42:239–43.
Ohashi T, Yamaki M, Pandav CS, Karmarkar MG, Irie M. Simple microplate method for determination urinary iodine. Clin Chem. 2000;46:529–36.
สำนักโภชนาการ กรมอนามัย. รายงานการดำเนินงานโครงการควบคุมและป้องกันโรคขาดสารไอโอดีน (พฤษภาคม 2561 - มิถุนายน 2563) [อินเทอร์เน็ต]. กรุงเทพฯ: สำนักโภชนาการ กรมอนามัย; 2563 [เข้าถึงเมื่อ 4 มิถุนายน 2565]. เข้าถึงได้จาก: https://nutrition2.anamai.moph.go.th/th/iodinedeficiency/download?id=76006&mid=35718&mkey=m_document&lang=th&did=24521.
สำนักโภชนาการ กรมอนามัย. ปริมาณไอโอดีนในปัสสาวะหญิงตั้งครรภ์รายจังหวัดประจำปี 2564 [อินเทอร์เน็ต]. กรุงเทพฯ: สำนักโภชนาการ กรมอนามัย; 2565 [เข้าถึงเมื่อ 4 มิถุนายน 2565]. เข้าถึงได้จาก: https://nutrition2.anamai.moph.go.th/th/iodinedeficiency/download?id=93566&mid=35718&mkey=m_document&lang=th&did=24521.
กระทรวงสาธารณสุข. ระบบเฝ้าระวังผลกระทบต่อสุขภาพจากฝุ่นละออง PM2.5 [อินเทอร์เน็ต]. กรุงเทพฯ: กระทรวงสาธารณสุข; 2564 [เข้าถึงเมื่อ 10 ธันวาคม 2567]. เข้าถึงได้จาก: https://ddc.moph.go.th/uploads/files/1582520201130041601.pdf.
Rohner F, Zimmermann M, Jooste P, Pandav C, Caldwell K, Raghavan R, et al. Biomarkers of nutrition for development--iodine review. J Nutr. 2014;144(8):1322S–1342S.
The Iodine Global Network. Global scorecard of iodine nutrition in 2021 in the general population based on school-age children (SAC). Ottawa, Canada: IGN; 2021.
Pereira RB, Santos MY, et al. Health data processing and visualization platforms: A systematic review. J Biomed Inform. 2020;109:103511.
Hernandez RM, et al. Regional health information systems for data sharing and interoperability in public health. Public Health Inform J. 2018;29(3):387–96.
De Angelis M, Volpi L, Giusino D, Pietrantoni L, Fraboni F. Acceptability and usability of a digital platform promoting mental health at work: a qualitative evaluation. Int J Hum Comput Interact. 2024;40(2):231–45.
Liu Y, Lu X, Zhao G, Li C, Shi J. Adoption of mobile health services using the unified theory of acceptance and use of technology model: Self-efficacy and privacy concerns. Front Psychol. 2022;13:944976.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความนี้ลงตีพิมพ์ในวารสารศูนย์อนามัยที่ 7 ขอนแก่น ถือเป็นผลงานทางวิชาการหรือวิจัย ผลการวิเคราะห์ตลอดจนข้อเสนอแนะเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่ใช่ความเห็นของวารสารศูนย์อนามัยที่ 7 ขอนแก่น หรือกองบรรณาธิการแต่อย่างใด ผู้เขียนต้องรับผิดชอบต่อบทความของตนเอง
