ประสิทธิผลของการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธี HPV DNA test (Self-collection) ในสตรีไทย อายุ 30-60 ปี จังหวัดขอนแก่น
คำสำคัญ:
มะเร็งปากมดลูก, วิธี HPV DNA test (Self-collection), การได้รับข้อมูลข่าวสารการตรวจมะเร็งปากมดลูกบทคัดย่อ
การวิจัยเชิงพรรณนาแบบภาคตัดขวาง (Cross-sectional Descriptive research) เพื่อศึกษาประสิทธิผลของการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก และปัจจัยที่มีผลการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธี HPV DNA test (Self-collection) ในสตรีไทย อายุ 30-60 ปี จังหวัดขอนแก่น นำข้อมูลทุติยภูมิ (Secondary Data) จากผู้มารับบริการขอชุดตรวจจำนวน 3,081 คน ได้กลุ่มตัวอย่าง 746 คน เก็บรวบรวมข้อมูลระหว่างเดือนพฤษภาคม ถึง ธันวาคม 2566 นำมาวิเคราะห์ผลด้วยสถิติความถี่ จำนวน ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน หาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ด้วยสถิติ Chi-square ข้อมูลเชิงคุณภาพนำเสนอด้วยวิธีพรรณนา
ผลพบว่า อายุเฉลี่ย 49.16 ปี (S.D.= 7.860) ต่ำสุด 27 ปี สูงสุด 62 ปี อายุ 51-60 ปี (ร้อยละ 50.7) สิทธิการรักษาบัตรทอง (ร้อยละ 88.1) สถานภาพคู่ (ร้อยละ 89.9) การตัดสินใจรับชุดตรวจเพราะต้องการทราบสุขภาพตนเอง (ร้อยละ 93.8) ประวัติการแพ้ยา (ร้อยละ 1.5) การได้รับข้อมูลจากเพื่อน (ร้อยละ 33.0) รพ.สต. เป็นหน่วยช่วยเหลือ (ร้อยละ 93.7) ผลการตรวจ Negative (ร้อยละ 90.3) ผล Positive (ร้อยละ 9.7) ซึ่งชนิดของ HPV พบสายพันธุ์ 16 และ 18 (ร้อยละ 7.9) ปัจจัยการได้รับข้อมูลข่าวสารจากเพื่อนมีความสัมพันธ์กับผลการตรวจแบบ Self-collection อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และชนิดของ HPV16, HPV16 18, มีความสัมพันธ์กับการตรวจแบบ Self-collection อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .001 ปัจจัยอื่น ๆ ไม่มีความสัมพันธ์ เหตุที่ใช้บริการเพราะตรวจฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย สามารถตรวจได้ด้วยตนเอง ข้อเสนอแนะควรสนับสนุนส่งเสริมการตรวจแบบ Self-collection ให้ครอบคลุม และควรเพิ่มช่องทางให้ อสม. เป็นผู้ขับเคลื่อนในการเพิ่มการเข้าถึงบริการรูปแบบนี้
เอกสารอ้างอิง
World Health Organization (WHO). Cervical cancer [Internet]. 2021 [cited 2021 April 1]. Available from: https://www.who.int/health-topics/cervical-cancer#tab=tab_1
Imsamran W, Pattatang A, Supattagorn P, Chiawiriyabunya I, Namthaisong K, Wongsena M, Buasom R. Cancer in Thailand Vol. IX, 2013-2015. Bangkok: New Thammada Press; 2018.
สำนักอนามัยเจริญพันธุ์ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. การควบคุมมะเร็งปากมดลูกที่ครอบคลุม: แนวทางการปฏิบัติที่สำคัญ. นนทบุรี: กระทรวงสาธารณสุข; 2558.
Momenimovahed Z, Salehiniya H. Incidence, Mortality and Risk Factors of Cervical Cancer in The World. Biomed Res Ther. 2017;4(12):1795-811.
สถาบันมะเร็งแห่งชาติ. แผนการป้องกันและควบคุมโรคมะเร็งแห่งชาติ (2561-2565) [Internet]. 2561 [cited 2021 March 1]. Available from: https://www.nci.go.th/th/File_download/D_index/แผนการป้องกันและควบคุมโรคมะเร็งแห่งชาติ.pdf
จุฬาภรณ์ ปรัสรา. พฤติกรรมและทัศนคติต่อการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกของสตรีอายุ 30-60 ปี ที่มารับบริการที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ศูนย์อนามัยที่ 7 อุบลราชธานี. วิทยานิพนธ์. โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ศูนย์อนามัยที่ 7 อุบลราชธานี; 2557.
Chan CW, Choi KC, Wong RS, Chow KM, So WK, Leung DY, Goggins W. Examining the cervical screening behaviour of women aged 50 or above and its predicting factors: A population-based survey. Int J Environ Res Public Health. 2016;13(12):1195.
ชัชวาล นฤพนธ์จิรกุล. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการตรวจมะเร็งปากมดลูกของสตรีเทศบาลสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี. วารสารวิชาการสาธารณสุข. 2557;23(6):1022-31.
Juntawong N, Tridech P, Siri S, Tridech C. Factors related to receiving cervical screening among women in Thailand. Asian Pac J Cancer Prev. 2017;18(5):1269-75.
Ponpichai W, Uieng J. Quality of life, health belief model and promoting behavior health of fishermen in Trang Province. J BSRU-Res Dev Inst. 2019;4(2):13-25.
นปภา ทิพย์มงคล. ปัจจัยที่สัมพันธ์กับการตรวจมะเร็งปากมดลูกของพยาบาล โรงพยาบาลตำรวจ. วารสารวิจัยเพื่อการส่งเสริมสุขภาพและคุณภาพชีวิต. 2566;3(2):1-11.
สุขุมาล โพธิ์ทอง. ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกของสตรีในพื้นที่อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร. วารสารวิชาการแพทย์เขต 11. 2561;32(2):965-70.
Rogers RW. Protection motivation theory. Health Educ Res. 1987;153-56.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความนี้ลงตีพิมพ์ในวารสารศูนย์อนามัยที่ 7 ขอนแก่น ถือเป็นผลงานทางวิชาการหรือวิจัย ผลการวิเคราะห์ตลอดจนข้อเสนอแนะเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่ใช่ความเห็นของวารสารศูนย์อนามัยที่ 7 ขอนแก่น หรือกองบรรณาธิการแต่อย่างใด ผู้เขียนต้องรับผิดชอบต่อบทความของตนเอง
