การพัฒนารูปแบบการเพิ่มความร่วมมือในการรับประทานยาน้ำเสริมธาตุเหล็กจากการประยุกต์ ใช้ สุนทรีย สาธก (Appreciative inquiry) ร่วมกับการใช้สื่อมัลติมิเดีย ในเด็ก อายุ 9-30 เดือน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ศูนย์อนามัยที่ 7 ขอนแก่น
คำสำคัญ:
ยาน้ำเสริมธาตุเหล็ก, ความร่วมมือในการรับประทานยา, สุนทรียสาธก, สื่อมัลติมีเดียบทคัดย่อ
ภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กในเด็กเป็นปัญหาที่สำคัญทั่วโลก โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ศูนย์อนามัยที่ 7 ขอนแก่น ได้ดำเนินการตามนโยบายของกรมอนามัยโดยให้ยาน้ำเสริมธาตุเหล็กแก่เด็ก 6 เดือนขึ้นไปทุกรายที่มารับบริการที่คลินิกสุขภาพเด็กดี งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบการเพิ่มความร่วมมือในการรับประทานยาน้ำเสริมธาตุเหล็กให้กับผู้ปกครองเด็ก 6-30 เดือน โดยใช้สื่อมัลติมีเดีย และสุนทรียสาธก (Appreciative Inquiry)มาประยุกต์ใช้ ทำการวิจัยในรูปแบบการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) เก็บข้อมูลโดยการเลือกแบบเฉพาะเจาะจงจำนวน 30 ราย ระยะเวลา 10 สัปดาห์ การศึกษาแบ่งเป็น3ระยะ คือระยะที่1เป็นการสัมภาษณ์ประสบการณ์เชิงบวกกับผู้ปกครอง ระยะที่ 2 นำข้อมูลที่ได้จากการประยุกต์ใช้สุนทรียสาธกมาสังเคราะห์และออกแบบร่วมกับข้อมูลด้านยาเป็นสื่อมัลติมิเดีย และให้ผู้เชี่ยวชาญประเมิน ระยะที่ 3 การนำสื่อมัลติมิเดีย มาใช้กับผู้ปกครองผ่าน Line Open Chat โดย พบว่าโดยคะแนนความรู้เรื่องยา(เต็ม 15คะแนน)วัดผลก่อน คะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 9. 13 (SD=0.22) หลังเข้าร่วม คะแนนอยู่ที่ 12.77(SD=0.22) คะแนนความร่วมมือในการรับประทานยา(คะแนนเต็ม10คะแนน) คะแนนเฉลี่ย ก่อน อยู่ที่ 7.60 (SD=0.39) หลังเข้าร่วม คะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 9.57 (SD=0.92) โดยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ( p-value <0.001) ผลการประเมินความพึงพอใจต่อสื่อมัลติมีเดียอยู่ในระดับดีมาก อย่างไรก็ตาม ควรมีการขยายระยะเวลาและพัฒนากระบวนการส่งเสริมความร่วมมือในการรับประทานยาน้ำเสริมธาตุเหล็ก โดยการเพิ่มเนื้อหาสื่อมัลติมีเดียที่น่าสนใจ เช่น วิดีโอแอนิเมชันหรือเสียงบรรยาย เพื่อแก้ไขปัญหาความไม่ร่วมมือในการรับประทานยา และสนับสนุนการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องในผู้ปกครอง
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงสาธารณสุข. คู่มือแนวทางการควบคุมและป้องกันโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก. กรุงเทพฯ: กระทรวงสาธารณสุข; 2564.
Ministry of Public Health. Iron deficiency anemia in children: National guidelines for prevention and treatment. Bangkok: Department of Health; 2016.
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. คู่มือการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่และการเสริมธาตุเหล็กในเด็กเล็ก. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์กรมอนามัย; 2564.
Mughal A, Ali S, Khan R. A longitudinal study on the effects of iron supplementation on cognitive development in infants. Int J Pediatr. 2020;6(3):341-50.
Lozoff B, Clark KM, Jing Y, Armony-Sivan R, Angelilli ML, Jimenez E, et al. Long-term developmental outcomes of iron deficiency in infants. Am J Clin Nutr. 2018;90(3):570-5.
อัจฉรา ตันสังวร,ผลการติดตามพัฒนาการเด็กทารกกลุ่มเสี่ยงระยะยาวที่โรงพยาบาลมหาสารคาม.วารสารโรงพยาบาลมหาสารคาม.18 (กันยายน-ธันวาคม 2564) :198.
วศินี ตะติปัญ.ความชุกของภาวะโลหิตจางและผลการรักษาด้วยการให้ธาตุเหล็ก ทดแทนในเด็กอายุ 9 - 12 เดือน ในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ศูนย์อนามัย ที่ 7 ขอนแก่น.วารสารศูนย์อนามัยที่7ขอนแก่น .2(2564) :114-20.
Ratnapan P. The application of appreciative inquiry to enhance cooperation in health behaviors among caregivers. Khon Kaen: Regional Health Promotion Center 7; 2020.
ชุติกาญจน์ อติเวทิน. การประยุกต์ใช้สุนทรียสาธกเพื่อเพิ่มยอดขาย: กรณีศึกษาร้านธงชัยโฮมเฟอร์นิเจอร์. วารสารวิชาการและวิจัย มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2565;12(3):102-16.
Morisky DE, Green LW, Levine DM. Concurrent and predictive validity of a self-reported measure of medication adherence. Med Care. 1986;24(1):67-74.
Nguyen T, Lo K, Feng J. Impact of mobile health technology on pediatric medication adherence: A systematic review. J Pediatr Health. 2021;45(3):230-6.
Summers Holtrop L. Appreciative Inquiry as a tool for healthcare improvement: A practical guide. Qual Health Res. 2019;29(1):67-77.
Bingham JM, Black M, Anderson EJ, Li Y, Toselli N, Fox S, et al. Impact of telehealth interventions on medication adherence for patients with type 2 diabetes, hypertension, and/or dyslipidemia: A systematic review. Annals of Pharmacotherapy. 2020;55(1):1-13
เพลินตา พิพัฒน์สมบัติ, คณะ. ผลของโปรแกรมส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพต่อความร่วมมือการใช้ยาในผู้สูงอายุไทย. วารสารการส่งเสริมสุขภาพ. 2565;15(2):45-56.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความนี้ลงตีพิมพ์ในวารสารศูนย์อนามัยที่ 7 ขอนแก่น ถือเป็นผลงานทางวิชาการหรือวิจัย ผลการวิเคราะห์ตลอดจนข้อเสนอแนะเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่ใช่ความเห็นของวารสารศูนย์อนามัยที่ 7 ขอนแก่น หรือกองบรรณาธิการแต่อย่างใด ผู้เขียนต้องรับผิดชอบต่อบทความของตนเอง
