พฤติกรรมการดูแลตนเองในผู้ป่วยกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน หลังใส่ขดลวดค้ำยันหลอดเลือดหัวใจ: การวิจัยแบบผสมผสาน

ผู้แต่ง

  • เปรมณัฐชยา บุญยอ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ อุบลราชธานี ศูนย์สุขภาพชุมชนวัดใต้
  • นิตยา ศิริชัย โรงพยาบาล ๕๐ พรรษา มหาวชิราลงกรณ อุบลราชธานี
  • สำราญ ตังคโณบล โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ อุบลราชธานี ศูนย์สุขภาพชุมชนวัดใต้
  • จรีนุช จินารัตน์ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ อุบลราชธานี ศูนย์สุขภาพชุมชนวัดใต้
  • นาฏอนงค์ เสนาพรหม โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ อุบลราชธานี
  • วาสนา นิลหล้า โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ อุบลราชธานี

คำสำคัญ:

พฤติกรรมการดูแลตนเอง, กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน, ขดลวดค้ำยันหลอดเลือดหัวใจ, ผู้บริหารทางการพยาบาลระดับต้น

บทคัดย่อ

การวิจัยแบบผสมผสานนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมการดูแลตนเองในผู้ป่วยกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน หลังใส่ขดลวดค้ำยันหลอดเลือดหัวใจ ในโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ศึกษาเชิงคุณภาพด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึกในกลุ่มตัวอย่างจำนวน 35 คน ประกอบด้วย  ผู้ป่วย  10 คน  ผู้ดูแล 10 คน และทีมสุขภาพ 15 คน ศึกษาเชิงปริมาณเฉพาะกลุ่มตัวอย่างผู้ป่วยจำนวน 188 คน  เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามพฤติกรรมการดูแลตนเอง ทดสอบความตรงตามเนื้อหา ได้เท่ากับ .91 ทดสอบความเที่ยงได้ค่าสัมประสิทธิ์ของครอนบาค .82 ข้อมูลเชิงคุณภาพใช้วิธีวิเคราะห์เนื้อหา ข้อมูลเชิงปริมาณวิเคราะห์ข้อมูลใช้ค่าสถิติ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน

   ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ พบว่า หลังใส่ขดลวดค้ำยันกลุ่มตัวอย่างบางรายยังมีปัญหาในการการดูแลตนเองคือยังไม่เข้าใจเรื่องการปฏิบัติตัวเมื่อกลับไปอยู่บ้าน ความต้องการสนับสนุนคือ การได้รับคำแนะนำ การมีช่องทางที่ชัดเจนในการติดต่อสอบถามและให้มีรถพยาบาลรับส่งที่รวดเร็วในชุมชน ส่วนผู้ดูแลให้การดูแลในเรื่องการจัดอาหารและยา ทำงานหาเลี้ยงครอบครัว ผู้ดูแลต้องการให้มีเจ้าหน้าที่สุขภาพติดตามดูแลต่อเนื่อง ทีมสุขภาพให้ข้อมูลว่า ผู้ป่วยขาดความเข้าใจเรื่องการควบคุมปัจจัยเสี่ยง ความต้องการสนับสนุนการดูแลผู้ป่วยคือ 1)  ส่งเสริมให้ความรู้แก่เจ้าหน้าที่ด้านสุขภาพ ผู้ป่วยและผู้ดูแลในชุมชน 2) มีเวชภัณฑ์จำเป็นและสื่ออุปกรณ์พอพียง 3) การใช้แอปพลิเคชันในการติดต่อกับผู้ป่วยและผู้ดูแล 4) การดูแลที่บ้านโดยทีมสหวิชาชีพการวิเคราะห์เชิงปริมาณ พบว่า หลังใส่ขดลวดค้ำยันผู้ป่วยมีค่าเฉลี่ยคะแนนพฤติกรรมการดูแลตนเองระดับดี ยกเว้นด้านการแสวงหาความช่วยเหลือเมื่อเจ็บป่วยจากบุคคลที่เชื่อถือได้ระดับพอใช้ ผลการศึกษาครั้งนี้สามารถใช้เป็นแนวทางในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดูแลตนเองในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันและผู้ป่วยหลังใส่ขดลวดค้ำยันหลอดเลือดหัวใจ เพื่อให้ผู้ป่วยมีพฤติกรรมการดูตนเองได้เหมาะสมกับโรค ช่วยลดความรุนแรงและภาวะแทรกซ้อน และใช้เป็นแนวทางในการส่งเสริมให้ความรู้แก่เจ้าหน้าที่ด้านสุขภาพและผู้ดูแลในชุมชน

References

Levine GN, Bates ER, Blankenship JC, Bailey SR, Bittl JA, Cercek B, et al. ACCF/AHA/SCAI Guideline for Percutaneous Coronary Intervention: a report of the American College of Cardiology Foundation/American Heart Association Task Force on Practice Guidelines and the Society for Cardiovascular Angiography and Interventions. Circulation. 2011;124(23):e574-651.

Barberic C, Van den Hondel KE. The use of cardiac troponinT (cTnT) in the postmortem diagnosis of acute myocardial infarction and sudden cardiac death: a systematic review. Forensic Sci Int. 2018;292:27-38.

Alaur B, Liew F, Kaier TE. Cardiac Troponin-diagnotic problems and impact on cardiovascular disease. Ann Med. 2018;50(8):655-65.

Ahn S, Song R, Choi SW. Effects of self-care health behaviors on quality of life mediated by cardiovascular risk factors among individuals with coronary artery disease : a structural equation modeling approach. Asian Nurs Res. 2016;10(2):158-63.

Shin ES, Hwang SY,Jeong MH, Lee ES. Relationships of factors affecting self-care compliance in acute coronary syndrome patients following percutaneous coronary intervention. Asian Nurs Res. 2013;7(4):205-11.

Sanchis-Gomar F, Perez-Quilis C, Leischik R, Lucia A. Epidemiology of coronary heart disease and acute coronary syndrome. Ann Transl Med. 2016;4:256.

Zhao J, Kelly M, Bain C, Seubsman SA, Sliegh A. Risk factors for cardiovascular disease mortality among 86866 members of Thai cohort study 2005-2010. Glob J Health Sci. 2015;7:107-14.

Wan YF, Li ma X, Yuan C, Fei L, Yang J, Zhang J. Impact of daily lifestyle on coronary heart disease. Exp Ther Med. 2015;10(3):1115-20.

Chinphan S, Sirisopon N, Onsiri S, Wattanaburanon A. Factors correlated with instent restenosis in coronary heart disease patients. Journal of The Royal Thai Army Nurses. 2019;20(3):218-26. (in Thai)

Chiou AF, Hsu SP, Hung HF. Predictors of health-promoting behaviors in Taiwanese patients with coronary artery disease. Appl Nurs Res. 2016;30:1-6.

Orem DE. Nursing concepts of practice. 4thed. St. Louis: Mosby Year Book Company; 1991.

Smith SC, Benjamin EJ, Bonow RO, Braun LT, Creager MA, Franklin BA, et al. AHA/ACCF Secondary prevention and risk reduction therapy for patients with coronary and other atherosclerotic vascular disease : 2011 Update. A Guideline From the American Heart

Association and American College of Cardiology Foundation. Circulation. 2011;124:2458-73.

Phaisantum P, Duangpaeng D, Kunsongkeit W. Experiences of lifestyle modification among patient with acute myocardial infarction post Coronary stent placement. Thai Journal of Cardio-Thoracic Nursing. 2018;29(1):96-109. (in Thai)

Yamane T. Statistics: an introductory analysis. 3rd ed. 1973. New York: Harper and Row.

Nasoongchon J. Self-care behaviors of post percutaneous transluminal coronary angioplasty and stenting patients. [Thesis]. Khon Kaen: Khon Kaen University; 2009. (in Thai)

Mohammadpour A, Rahmati Sharghi N, Khosravan S, Alami A, Akhond M. The effect of a supportive educational intervention developed ased on the Orem’s self-care theory on the self-care abilities of patients with myocardial infarction: a randomised controlled trial. J Clin Nurs. 2015;24(11-12):1686–92.

Damrongsin S, Putwatana P, Khuwatsamrit K. Self–care behaviors among patients with coronary in-stent restenosis. Journal of The Royal Thai Army Nurses. 2017;18(2):220-7. (in Thai)

Wongtrakool N, Yunak R. Health behavior of patients after receiving coronary stent and stretch support among coronary artery disease without recurrence of stenosis. Journal of Nursing and Health Sciences. 2017;11(3):39-47. (in Thai)

Downloads

เผยแพร่แล้ว

2024-12-09