โปรแกรมการเตรียมครอบครัวเพื่อส่งเสริมพฤติกรรมการป้องกันมะเร็งปากมดลูก อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย (Family health behavior prevention program for cervix cancer in Amphoe Phonphisai, Nongkhai Province )
คำสำคัญ:
โปรแกรมการเตรียมครอบครัว, พฤติกรรมการป้องกันมะเร็งปากมดลูก, แพ็พสเมียร์ Family health program, behavior prevention for cervix cancer, pap smearบทคัดย่อ
Cervical cancer has revealed itself as the most significant disease affecting women’s health status in Thailand, and trend to increase, even though it can be treated easily and effectively if it is status in the early stage. Many studies indicated the women do not like to participate in the detection activity, pap smear, because of many reasons. This research studied the education activities which will increase pap smear participation among 30 – 60 years of age women, such attendance behavior can help for providing treatment and decrease mortality rate family health behavior prevention program for cervix cancer in Amphoe Phonphisai, Nongkhai Province. Samples were 39 family, 39 women and 39 family, age 30 – 60 years , 39 family of them, were in the experimental group 39 family, were in the comparative group. The subjects in experimental group were received activity that applied from “Health Promotion Model” such as education about cervical cancer, Human media. The evaluation in both before and after implementation.
The results indicate that after implementation, the implemented group had mean score of knowledge, percived susceptibility of cervical cancer, perceived severity of cervical cancer, perceived benefits of cervical cancer and perceived barriers of cervical cancer practice higher than the group without implementation with statistical significantly different at
p – value < 0.001 , t = 26.053 In addition, the mean score of knowledge, perceived susceptibility of cervical cancer and perceived barriers of cervical cancer practice and a signification different (p – value < 0.001) between implemented group and comparative group in both before and after implement proportion of samples in the experimental group attending pap smear is statistically higher than that comparative group.
มะเร็งปากมดลูกพบมากเป็นอันดับหนึ่งของสตรีไทยและมีแนวโน้มอุบัติการณ์เพิ่มสูงมากขึ้นทั้งที่สามารถป้องกันได้ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก โดยวิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกและสามารถรักษาให้หายขาดได้เมื่อเป็นระยะเริ่มแรก แต่ส่วนใหญ่จะพบผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกในระยะลุกลามที่ให้ยากต่อการรักษาให้หายขาดได้ ทำให้อัตราการตายด้วยมะเร็งปากมดลูกเพิ่มสูงมากขึ้นมีผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจ สังคมของครอบครัว ดังนั้นการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมการเตรียมครอบครัวเพื่อส่งเสริมพฤติกรรมการป้องกันมะเร็งปากมดลูกโดยการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลนาหนัง อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย กลุ่มตัวอย่างเป็นสตรีและครอบครัว โดยกลุ่มเป้าหมายมีอายุระหว่าง 30 - 60 ปี จำนวน 78 ครอบครัว แบ่งเป็น กลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม กลุ่มละ 39 ครอบครัว โดยกลุ่มทดลองได้รับโปรแกรมการเตรียมครอบครัวที่ประยุกต์ทฤษฏีการส่งเสริมสุขภาพของเพนเดอร์ร่วมกับแรงสนับสนุนของครอบครัว จัดกิจกรรมให้ความรู้ ชมวีดีทัศน์ นำเสนอสื่อบุคคล ตัวอย่างมดลูกที่เป็นมะเร็งจริง โปสเตอร์ภาพมดลูกผิดปกติ แผ่นพับการป้องกันมะเร็งปากมดลูก เครื่องมือตรวจแพ็พสเมียร์ บัตรนัดตรวจ การกระตุ้นเตือน เครื่องมือที่ใช้ในการวัดแบบบันทึกข้อมูลทั่วไป แบบวัดการส่งเสริมพฤติกรรมการป้องกันมะเร็งปากมดลูกจากการสนับสนุนของครอบครัว ได้รับการตรวจสอบความตรงตามเนื้อหาจากผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 5 ท่าน และได้ค่าความเที่ยงโดยใช้สูตรคูเดอร์ – ริชาร์ดสัน (Kuder - Richardson) หรือ KR 21 ได้ค่าความเที่ยงเท่ากับ .78 และวัดพฤติกรรมการมาตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก
ผลการวิจัย พบว่า ค่าคะแนนเฉลี่ยรายด้านและโดยรวมการสนับสนุนจากครอบครัวในการส่งเสริมพฤติกรรมการป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกภายหลังการได้รับโปรแกรมในกลุ่มทดลองสูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ(p – value < 0.001 , t = 26.053) และความแตกต่างของพฤติกรรมการมารับบริการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก โดยกลุ่มทดลองมีพฤติกรรมการมารับบริการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก สูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p – value < 0.001)