การศึกษาความแตกต่างของทักษะการปฏิบัติทางวิชาชีพและคุณลักษณะพลเมืองสร้างสรรค์ในนักศึกษาพยาบาลที่มีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้แบบบริการสังคม

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงพรรณนา มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความแตกต่างของทักษะการปฏิบัติทางวิชาชีพและคุณลักษณะพลเมืองสร้างสรรค์ของนักศึกษาพยาบาลที่มีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้แบบบริการสังคม โดยประชากรที่ศึกษาเป็นนักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 4 วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุรินทร์ จำนวน 78 คน ที่ฝึกภาคปฏิบัติในรายวิชาปฏิบัติการรักษาพยาบาลขั้นต้น เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล แบบสอบถามทักษะการปฏิบัติทางวิชาชีพและแบบสอบถามคุณลักษณะพลเมืองสร้างสรรค์ ซึ่งมีค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาก เท่ากับ .95 และ .98 ตามลำดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยสถิติพรรณนาและวิเคราะห์ความแปรปรวนร่วมพหุคูณ

ผลการวิจัย พบว่า นักศึกษามีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้แบบบริการแก่สังคม จากกิจกรรมการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 เฉลี่ย 7.68 ± 3.09 ครั้ง (พิสัย 1-18) โดยกิจกรรมที่มีจำนวนครั้งของการปฏิบัติมากที่สุด คือ การให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 คะแนนเฉลี่ยทักษะการปฏิบัติทางวิชาชีพและคุณลักษณะพลเมืองสร้างสรรค์โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก (M= 4.36, SD =.52) คะแนนเฉลี่ยคุณลักษณะพลเมืองสร้างสรรค์โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก (M= 4.43, SD =.49) เมื่อขจัดอิทธิพลของตัวแปรร่วมคือเกรดเฉลี่ยสะสมพบว่า กลุ่มที่ทำกิจกรรมการเรียนรู้แบบบริการแก่สังคมที่แตกต่างกันจะมีทักษะการปฏิบัติการทางวิชาชีพที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (F=3.93, df=2, p<.05) และกลุ่มที่ทำกิจกรรมการเรียนรู้แบบบริการแก่สังคมที่แตกต่างกันจะมีคุณลักษณะพลเมืองสร้างสรรค์ที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (F=4.31, df=2, p<.05)

 ผลการวิจัยพบว่าการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบบริการแก่สังคมทำให้ผู้เรียนมีทักษะการปฏิบัติการพยาบาลและคุณลักษณะพลเมืองสร้างสรรค์ จึงควรจัดให้มีกิจกรรมการเรียนรู้แบบบริการแก่สังคมของนักศึกษาพยาบาลทุกรายวิชาที่มีการฝึกภาคปฏิบัติ เพื่อเสริมสร้างด้านทักษะการปฏิบัติทางวิชาชีพและคุณลักษณะพลเมืองสร้างสรรค์ โดยควรกำหนดจำนวนครั้งของการทำกิจกรรมทางการพยาบาลของนักศึกษาให้เท่ากันหรือใกล้เคียงกัน