การประเมินความคลาดเคลื่อนภายหลังออกสู่ตลาดของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ได้รับการจดแจ้งโดยระบบการจดแจ้งอัตโนมัติ
Main Article Content
บทคัดย่อ
งานวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงพรรณนา เพื่อศึกษาความคลาดเคลื่อนของข้อมูลภายหลังออกสู่ตลาดของผลิตภัณฑ์เครื่องสําอางที่ได้รับการจดแจ้งผ่านระบบอัตโนมัติ โดยการสุ่มตัวอย่างข้อมูลผลิตภัณฑ์เครื่องสําอางที่ได้รับจดแจ้งโดยระบบอัตโนมัติในเดือนพฤษภาคม - กรกฎาคม 2560 จํานวน 1,440 ตํารับและแบ่งเป็น 40 ประเภท ๆ ละ 36 ตํารับ ตามข้อบ่งใช้ของเครื่องสําอาง แล้วดําเนินการตรวจสอบฉลากและการโฆษณาของผลิตภัณฑ์เครื่องสําอางทั้ง 1,440 ตํารับ ผลการศึกษาพบว่าข้อมูลมีความคลาดเคลื่อนจํานวน 180 ตํารับ (ร้อยละ 12.50) โดยแบ่งความคลาดเคลื่อนเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 เป็น กรณีที่มีการนําผลิตภัณฑ์ที่ไม่จัดเป็นเครื่องสําอางตามนิยามเครื่องสําอาง มายื่นจดแจ้งเป็นเครื่องสําอาง (ร้อยละ 10.56) กลุ่มที่ 2 แบ่งเป็น 2 กรณี ได้แก่กรณี ผลิตภัณฑ์เครื่องสําอางที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายเกี่ยวกับการโฆษณา (ร้อยละ 50.56) และกรณีไม่ถูกต้องในการแสดงฉลาก (ร้อยละ 21.11) สําหรับกลุ่มที่ 3 แบ่งเป็น 3 กรณี ได้แก่ กรณีผลิตภัณฑ์ที่มีความหมายของชื่อการค้าและชื่อเครื่องสําอางทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษไม่สอดคล้องกัน (ร้อยละ 14.44) กรณีที่มีการระบุชื่อผลิตภัณฑ์ในทํานองโอ้อวดหรือไม่เหมาะสม (ร้อยละ 25) และกรณีที่นํา “ชื่อสาร” มาใช้เป็นส่วนหนึ่งของชื่อการค้าหรือชื่อผลิตภัณฑ์เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดว่ามีสารนั้นในผลิตภัณฑ์ (ร้อยละ 21.11) งานวิจัยนี้ชี้ให้เห็นว่า สาเหตุหนึ่งที่ทําให้เกิดปัญหาและความคลาดเคลื่อนนั้นเกิดจากการที่ผู้ประกอบการจํานวนหนึ่งขาดความซื่อสัตย์และความรับผิดชอบในผลิตภัณฑ์ของตนเอง ดังนั้น ภาครัฐควรมีการจัดการเชิงรุกโดยเร่งพัฒนาศักยภาพของบุคคลากรรัฐและเอกชน เพื่อให้มีความตระหนักและมีการดําเนินการตามกฎหมาย อย่างเค่งครัด ทั้งนี้ควรประชาสัมพันธ์ข้อมูลเป็นระยะ ๆ ให้แก่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องรวมทั้งผู้บริโภคด้วย และมีการกระตุ้นให้มีการคํานึงถึงการเลือกซื้อเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เครื่องสําอางที่เหมาะสมปลอดภัย และให้รู้เท่าทันโฆษณาและมีการอ่านฉลากเครื่องสําอางก่อนใช้เพื่อที่จะสามารถปกป้องตนเองได้
Article Details
เอกสารอ้างอิง
2. สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา. รายงานประจำปี 2558 [อินเทอร์เน็ต]. 2559. [เข้าถึงเมื่อ 15 เม.ย. 2560]. เข้าถึงได้จาก: https://203.157.72.106/fulltext2/book/17903/1.pdf
3. สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา. รายงานประจำปี 2557 [อินเทอร์เน็ต]. 2558. [เข้าถึงเมื่อ 15 เม.ย. 2560]. เข้าถึงได้จาก: https://203.157.72.106/fulltext2/book/17824/1.pdf
4.สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา. ASEAN COSMETIC DOCUMENTS [อินเทอร์เน็ต]. 2545. [เข้าถึงเมื่อ 15 เม.ย 2560]. เข้าถึงได้จาก: https://elib.fda.moph.go.th/fulltext2/word/14697/1.pdf
5. สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา. ข่าวแจก อย. รับจดแจ้งเครื่องสำอางด้วยระบบอัตโนมัติ สะดวก ง่าย ไม่จำกัดจำนวน ประมวลผลทันที [อินเทอร์เน็ต]. 2560. [เข้าถึงเมื่อ 15 เม.ย 2560]. เข้าถึงได้จาก:https://pca.fda.moph.go.th/public_media_detail.php?id=2&cat=50&content_id=787
6. พระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ.2558. ราชกิจจานุเบกษา. เล่มที่ 132, ตอนที่ 86ก (ลงวันที่ 8 กันยายน 2558).
7.ประกาศคณะกรรมการเครื่องสำอาง เรื่อง ฉลากของเครื่องสำอาง . ราชกิจจานุเบกษา. เล่มที่ 25, ตอนพิเศษ 155 ง. (ลงวันที่ 22 กันยายน 2551).
8. กลุ่มกำกับดูแลเครื่องสำอางก่อนออกสู่ตลาด สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา. หลักเกณฑ์การจดแจ้งเครื่องสำอาง. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: กราฟฟิคแอนด์ดีไซน์; 2558.
9.สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา . ข่าวแจก อย. รับจดแจ้งเครื่องสำอางด้วยระบบอัตโนมัติ สะดวก ง่าย ไม่จำกัดจำนวน ประมวลผลทันที [อินเทอร์เน็ต] .2560. [เข้าถึงเมื่อ 15 เม.ย. 2560]. เข้าถึงได้จาก: https://pca.fda.moph.go.th/public_media_detail.php?id=2&cat=50&content_id=787
10 .พรพิมล ขัตตินานนท์, อารทา ปัญญาปฏิภาณ. การจัดระเบียบเพื่อสร้างระบบที่ดีในการโฆษณาเครื่องสำอาง.นนทบุรี: สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ; 2545