การศึกษาสถานการณ์การใช้วัตถุเจือปนอาหารในผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์จังหวัดนครราชสีมา 2560
Main Article Content
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงสำรวจและเชิงคุณภาพ เพื่อศึกษาสถานการณ์การใช้วัตถุเจือปนอาหาร ในอาหารประเภทผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ (ลูกชิ้น ไส้กรอก แหนม หมูยอ กุนเชียง) โดยการรวมรวมข้อมูลจากสถานที่ผลิตในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ด้วยวิธีการสุ่มเก็บตัวอย่างและสอบถามผู้ควบคุมการผลิต ณ สถานที่ผลิต 24 แห่ง ครอบคลุมทั้ง 8 อำเภอ ระหว่างเดือน มกราคม - กันยายน 2560 โดยตรวจวิเคราะห์หาปริมาณวัตถุเจือปนอาหาร จำนวน 5 รายการ ได้แก่ กรดเบนโซอิค กรดซอร์บิค ไนเตรท ไนไตรท์ และสีผสมอาหาร
ผลการศึกษา ผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์จำนวน 73 ตัวอย่าง พบว่ามีการใช้วัตถุเจือปนอาหารประเภท กรดเบนโซอิคอยู่ในช่วง 10-3,628 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม มีการใช้กรดซอร์บิคอยู่ในช่วง 35.8-2,103 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม มีการใช้ไนเตรทอยู่ในช่วง 30-235.8 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม มีการใช้ไนไตรท์อยู่ในช่วง 15-239.2 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม และไม่พบการใช้สีผสมอาหารในตัวอย่างอาหารที่ส่งตรวจ จากข้อมูลทั่วไปของผู้ควบคุมการผลิต จำนวน 24 ราย เป็นเพศหญิงร้อยละ 66.67 อายุ 30-39 ปี ร้อยละ 41.67 ระดับการศึกษา ระดับปริญญาตรีร้อยละ 62.50 ผลการสอบถามพบว่ามีการใส่วัตถุเจือปนอาหาร ร้อยละ 100 วิธีการใส่วัตถุเจือปนอาหารส่วนมากเป็นการละลายน้ำแล้วโรยใส่ขณะกวนผสม ร้อยละ 57.69 เครื่องมือที่ใช้ชั่งสารส่วนใหญ่ใช้เป็นแบบตาชั่งดิจิตอล ร้อยละ 76.92 การศึกษาอายุการเก็บรักษาของผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่เป็นการทดลองภายในสถานที่ผลิต คิดเป็นร้อยละ 60.00
ข้อเสนอแนะ วัตถุเจือปนอาหารที่ใช้ในผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ เพื่อยืดอายุการเก็บรักษาของผลิตภัณฑ์ และใช้แต่งสีอาหารเพื่อให้น่ารับประทานมากยิ่งขึ้น โดยพบว่ามีการใส่วัตถุเจือปนอาหารที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน 2 ด้าน คือ ใช้ปริมาณเกินเกณฑ์มาตรฐานที่กฎหมายกำหนด และชนิดของวัตถุเจือปนอาหารไม่ตรงตามที่กฎหมายกำหนด พนักงานเจ้าหน้าที่และผู้ควบคุมการผลิต ควรปฏิบัติตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 243) พ.ศ. 2544 เรื่อง ผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ และประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 281) พ.ศ. 2547 เรื่อง วัตถุเจือปนอาหาร
Article Details
รูปแบบการอ้างอิง
1.
ลี้สุรพลานนท์ บ. การศึกษาสถานการณ์การใช้วัตถุเจือปนอาหารในผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์จังหวัดนครราชสีมา 2560. TFDJ [อินเทอร์เน็ต]. 15 สิงหาคม 2018 [อ้างถึง 25 ธันวาคม 2025];25(2):58-66. available at: https://he01.tci-thaijo.org/index.php/fdajournal/article/view/140345
ประเภทบทความ
รายงานการวิจัย
เอกสารอ้างอิง
1.Fennema O. R., (1996). Food Chemistry, Third Edition. Taylor & Francis. pp. 784-785.
2.จิรภาพรรณี หุมมาลีและรัตนา ฟูมั่น. (2551). การวิเคราะห์ปริมาณกรดเบนโซอิกและกรดซอร์บิกในน้ำพริกด้วยวิธีโครมาโทกราฟีของเหลวแบบสมรรถนะสูง
3.กลุ่มกำหนดมาตรฐาน สำนักอาหาร.(2556). แนวทางการใช้วัตถุเจือปนอาหารและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง กลุ่มกำหนดมาตรฐาน สำนักอาหาร ฉบับปรับปรุง 2556.
4.ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ (ฉบับที่ 243).(2554, 9 ตุลาคม). ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 121 ตอนพิเศษ 99 ง.
5.ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องวัตถุเจือปนอาหาร (ฉบับที่ 281).(2547, 20 กันยายน). ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 133 ตอนพิเศษ 97 ง.
6.Brock T. D., Madigan M. T. (1991). Biology of Microorganisms. Bacterial Endospores. 6th ed. New Jersey: Prentice Hall.
7.Koneman E. W., Allen S. D., Janda M. W., Schreckenberger P. C. (1997). The anaerobic bacteria. Color Atlas and Textbook of Diagnostic Microbiology, 5th edition, Philadelphia, Lippincott JB, Ch1997, pp. 725-727.
2.จิรภาพรรณี หุมมาลีและรัตนา ฟูมั่น. (2551). การวิเคราะห์ปริมาณกรดเบนโซอิกและกรดซอร์บิกในน้ำพริกด้วยวิธีโครมาโทกราฟีของเหลวแบบสมรรถนะสูง
3.กลุ่มกำหนดมาตรฐาน สำนักอาหาร.(2556). แนวทางการใช้วัตถุเจือปนอาหารและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง กลุ่มกำหนดมาตรฐาน สำนักอาหาร ฉบับปรับปรุง 2556.
4.ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ (ฉบับที่ 243).(2554, 9 ตุลาคม). ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 121 ตอนพิเศษ 99 ง.
5.ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องวัตถุเจือปนอาหาร (ฉบับที่ 281).(2547, 20 กันยายน). ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 133 ตอนพิเศษ 97 ง.
6.Brock T. D., Madigan M. T. (1991). Biology of Microorganisms. Bacterial Endospores. 6th ed. New Jersey: Prentice Hall.
7.Koneman E. W., Allen S. D., Janda M. W., Schreckenberger P. C. (1997). The anaerobic bacteria. Color Atlas and Textbook of Diagnostic Microbiology, 5th edition, Philadelphia, Lippincott JB, Ch1997, pp. 725-727.