ความรอบรู้ด้านสุขภาพ และปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมด้วยตนเองของประชากรเพศหญิง อำเภอโนนนารายณ์ จังหวัดสุรินทร์

ผู้แต่ง

  • อรุณี ขุมทอง คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
  • กฤติยาณี ธรรมสาร คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

คำสำคัญ:

ความรอบรู้ด้านสุขภาพ , มะเร็งเต้านม, การตรวจเต้านมด้วยตนเอง

บทคัดย่อ

โรคมะเร็งเต้านมพบบ่อยในเพศหญิง รักษาให้หายได้ หากได้รับการวินิจฉัยในระยะเริ่มต้น การศึกษาวิจัยแบบเชิงวิเคราะห์แบบภาคตัดขวาง มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับความรอบรู้ด้านสุขภาพ และปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการตรวจมะเร็งเต้านมด้วยตนเอง ประชากรคือประชาชนเพศหญิงที่ไม่ได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม อาศัยอยู่ในอำเภอโนนนารายณ์ จังหวัดสุรินทร์ อย่างน้อย 1 ปีขึ้นไป จำนวน 5,392 คน กลุ่มตัวอย่างคือหญิงอายุ 30–70 ปี สุ่มตัวอย่างอย่างง่าย จำนวน 836 ราย เครื่องมือวิจัย ได้แก่ แบบสอบถามข้อมูลทั่วไป แบบวัดความรอบรู้ด้านสุขภาพโรคมะเร็งเต้านม และแบบสอบถามพฤติกรรมการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมด้วยตนเอง ด้วยวิธีการคลำเต้านมตนเองย้อนหลัง 6 เดือน ตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหาได้ค่า ระหว่าง 0.67 ถึง 1.00 ตรวจสอบค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามความรอบรู้ด้านสุขภาพ หาค่าสัมประสิทธิแอลฟาของครอนบาค ได้ค่า 0.96 เก็บข้อมูลเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2567 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา และการถดถอยลอจิสติกพหุคูณ

ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างมีความรอบรู้ด้านสุขภาพเกี่ยวกับโรคมะเร็งเต้านม โดยรวมอยู่ในระดับดีขึ้นไป ร้อยละ 75.72 พฤติกรรมการตรวจเต้านมด้วยตนเอง ร้อยละ 84.45 ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการตรวจเต้านมด้วยตนเองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<.05) ได้แก่ อายุ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การตรวจสุขภาพประจำปี การเคยได้รับการตรวจเต้านมจากบุคลากรทางการแพทย์ การได้รับข้อมูลเกี่ยวกับโรคมะเร็งเต้านม และระดับความรอบรู้ด้านสุขภาพ โดยเฉพาะในด้านการเข้าถึงข้อมูลและบริการสุขภาพ และความเข้าใจเกี่ยวกับการป้องกันโรค ข้อเสนอแนะ หน่วยงานสาธารณสุขควรส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพ สนับสนุนการออกกำลังกาย ตรวจสุขภาพ เพื่อกระตุ้นให้สตรีมีพฤติกรรมตรวจเต้านมด้วยตนเองมากขึ้น

เอกสารอ้างอิง

กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ. (2567). ปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดมะเร็งเต้านม. https://healthmedia.hss.moph.go.th/infographic/41/

กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ, กองสุขศึกษา. (2559). การสร้างเสริมและประเมินความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพกลุ่มวัยทำงาน. นิวธรรมดาการพิมพ์.

กรมอนามัย. (2560). ความรอบรู้ด้านสุขภาพ (health literacy). https://hpc9.anamai.moph.go.th/web-upload/migrated/files/hpc9/n2675_ddf10028623feb9077c3b17b661f1301_article_20200225102224.pdf

กรมอนามัย. (2566, 14 มีนาคม). กรมอนามัยเผยหญิงไทยป่วยมะเร็งเต้านมสูงสุด แนะควรตรวจเต้านมด้วยตนเองทุกเดือน. https://multimedia.anamai.moph.go.th/news/140366/

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, คณะจิตวิทยา. (2562, 30 กันยายน). Social support-การสนับสนุนทางสังคม. https://www.psy.chula.ac.th/th/feature-articles/social-support/

ชลวิทย์ บุญศรี. (2022). การรับรู้และพฤติกรรมการป้องกันโรคมะเร็งเต้านมของผู้หญิงอายุ 30–70 ปี ตำบลท่าพระ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น. วารสารวิทยาศาสตร์สุขภาพและการสาธารณสุขชุมชน, 5(2), 90-101.

ชนินทร์ อภิวาณิชย์. (2568, 8 กรกฎาคม). 6 สัญญาณเตือนมะเร็งเต้านม อาการมะเร็งระยะแรก. โรงพยาบาลสมิติเวช. https://www.samitivejhospitals.com/th/article/detail/สัญญาณมะเร็งเต้านม

ฐาพัชร์ลดา เกียรติเลิศเดชา, อารยา เชียงของ, ปราลีณา ทองศรี, และอนงค์นุช สารจันทร์. (2564). ความรอบรู้ทางสุขภาพในการป้องกันโรคมะเร็งเต้านมและโรคมะเร็งปากมดลูก: กรณีศึกษาการสร้างเสริมความรอบรู้ทางสุขภาพของสตรีวัยเจริญพันธุ์ในเขตกรุงเทพมหานคร. วารสารเครือข่ายวิทยาลัยพยาบาลและการสาธารณสุขภาคใต้, 8(1), 211-221.

ถนอมศรี อินทนนท์, และรุจิรา อ่ำพันธ์. (2566). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการตรวจเต้านมด้วยตนเองของสตรีอายุ 30–70 ปี ในเขตบริการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านปรือใหญ่ อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ. วารสารวิจัยและพัฒนาสุขภาพศรีสะเกษ, 2(1), 113-124..

ทิพวรรณ สมควร, สินีนาฏ ชาวตระการ, และวรางคณา นาคเสน. (2565). ความรอบรู้ด้านสุขภาพเกี่ยวกับโรคมะเร็งเต้านมของสตรีวัยเจริญพันธุ์ในจังหวัดลำปาง. วารสารสาธารณสุขล้านนา, 18(1), 45–56.

บุรินทร์ รุจจนพันธ์. (2556). Likert. [บล็อกโพสต์]. IT Blog. https://www.thaiall.com/blog/tag/likert

ปาณิสรา ส่งวัฒนายุทธ, สรัลรัตน์ พลอินทร์, และพัชรรินทร์ เนียมเกิด. (2564). การพัฒนารูปแบบการส่งเสริมพฤติกรรมการป้องกันโรคมะเร็งเต้านมในสตรีจังหวัดเพชรบุรี. วารสารพยาบาลทหารบก, 22(3), 423-432.

ปริญญาภรณ์ ธนะบุญปวง, จิริยา อินทนา, นงนุช วงศ์สว่าง, และชลธิชา บุญศิริ. (2024). การประยุกต์ใช้ทฤษฎีการกระทำด้วยเหตุผลในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพตามบทบาทของพยาบาลเวชปฏิบัติชุมชน. วารสารวิจัยเพื่อการส่งเสริมสุขภาพและคุณภาพชีวิต, 4(1), 83–94.

วรเศรษฐ์ สายฝน. (2565, 21 มกราคม). รู้จักมะเร็งเต้านม. มหาวิทยาลัยมหิดล คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก. https://www.gj.mahidol.ac.th/main/knowledge-2/breast-cancer

รังษีนพดล โถทอง, โสภิตตรา สมหารวงค์, ศุลีพร แสงกระจ่าง, ณัฐจาพร พิชัยณรงค์, ปรารถนา สถิตวิภาวี, ศุภชัย ปิติกุลตัง, และวิศิษฏ์ ฉวีพจนกําจร. (2562). ปัจจัยที่สัมพันธ์กับการตรวจเต้านมด้วยตนเองของสตรีวัยก่อนหมดประจำเดือน. วารสารโรคมะเร็ง, 39(1), 16-27.

โรงพยาบาลโนนนารายณ์, กลุ่มงานปฐมภูมิและองค์รวม. (2566). โครงการการคัดกรองมะเร็งเต้านมโดยเครื่องเอกซเรย์เต้านม (Mammogram) ในสตรีกลุ่มเสี่ยงและด้อยโอกาส ในโอกาสมหามงคลเจริญพระชนมพรรษา 70 พรรษา อำเภอโนนนารายณ์ จังหวัดสุรินทร์. กรมประชาสัมพันธ์.

ศูนย์มะเร็ง ชีวารักษ์. (2567, 27 มีนาคม). มะเร็งเต้านม. https://chgcancercenter.com/en/know-about-breast-cancer

สถาบันมะเร็งแห่งชาติ. (2564). ทะเบียนมะเร็งระดับโรงพยาบาล พ.ศ. 2564. https://www.nci.go.th/e_book/hosbased_2564/index.html

สถาบันมะเร็งแห่งชาติ. (2565). นิยามตัวชี้วัด Service Plan สาขามะเร็ง ปี 2561–2565. https://www.nci.go.th/th/File_download/filePlan/Template%20นิยามตัวชี้วัด%20Service%20Plan%20สาขามะเร็ง%20ปี61-65.pdf

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุรินทร์. (2566). อัตราป่วยโรคมะเร็งเต้านมต่อประชากร จังหวัดสุรินทร์ ปีงบประมาณ 2566. https://hdc.moph.go.th/srn/public/standard-report-detail/825c7fbfdbde936cf821a9b16dc4189b

สำนักงานสาธารณสุขอำเภอโนนนารายณ์. (2566). ข้อมูลการเฝ้าระวังมะเร็งเต้านมของประชากรอยู่จริงในพื้นที่อำเภอโนนนารายณ์ ตามช่วงอายุ 30–55 ปี ปีงบประมาณ 2566. สำนักงานสาธารณสุขอำเภอโนนนารายณ์.

สุธารัตน์ ชำนาญช่าง, วรรณรัตน์ ลาวัง, และอโนชา ทัศนาธนชัย. (2562). ปัจจัยทำนายพฤติกรรมการตรวจเต้านมด้วยตนเองของสตรีวัยหมดประจำเดือนที่มีน้ำหนักเกินเกณฑ์ในจังหวัดชลบุรี. วารสารการพยาบาลและการศึกษา, 12(3), 104-119.

สุนันทินี ศรีประจันทร์, และปาริชา นิพพานนทน์. (2565). ผลของโปรแกรมการใช้ความรอบรู้ด้านสุขภาพกับแรงสนับสนุนทางสังคมต่อการส่งเสริมพฤติกรรมการป้องกันโรคมะเร็งเต้านมของสตรีอายุ 30–50 ปี อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น. วารสารการส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม, 45(1), 103-116.

Becker, M. H., & Maiman, L. A. (1975). Sociobehavioral determinants of compliance with health and medical care recommendations. Medical Care, 13(1), 10-24. https://doi.org/10.1097/00005650-197501000-00002

Caplan, G. (1976). Support systems and community mental health. Behavioral Publications.

Grimley, C. E., Kato, P. M., & Grunfeld, E. A. (2020). Health and health belief factors associated with screening and help-seeking behaviours for breast cancer: A systematic review and meta-analysis of the European evidence. British Journal of Health Psychology, 25(1), 107–128. https://doi.org/10.1111/bjhp.12397

Hsieh, F. Y., Bloch, D. A., & Larsen, M. D. (1998). A simple method of sample size calculation for linear and logistic regression. Statistics in Medicine, 17(14), 1623–1634. https://onlinelibrary.wiley.com/doi/10.1002/(SICI)1097-0258(19980730)17:14%3C1623::AID-SIM871%3E3.0.CO;2-S

Kayan, S., & Cinar, I. O. (2022). An examination of variables associated with breast cancer early detection behaviors of women. African Health Sciences, 22(3), 133–144. https://doi.org/10.4314/ahs.v22i3.16

Thabane, K., Mashologu, Y., & Thabane, L. (2021). Exploring factors associated with breast cancer screening among women aged 15-49 years in Lesotho. The Pan African medical journal, 38, 108. https://doi.org/10.11604/pamj.2021.38.108.21110

World Cancer Research Fund. (2022). Breast cancer statistics. https://www.wcrf.org/preventing-cancer/cancer-statistics/breast-cancer-statistics/

กรอบแนวคิดการวิจัย

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-12-07

รูปแบบการอ้างอิง

ขุมทอง อ. ., & ธรรมสาร ก. . (2025). ความรอบรู้ด้านสุขภาพ และปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมด้วยตนเองของประชากรเพศหญิง อำเภอโนนนารายณ์ จังหวัดสุรินทร์. ราชาวดีสาร วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุรินทร์, 15(2), 18–36. สืบค้น จาก https://he01.tci-thaijo.org/index.php/bcnsurin/article/view/278869

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย