ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการสูบบุหรี่ไฟฟ้าของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาในเขตจังหวัดนครราชสีมา
คำสำคัญ:
ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการสูบบุหรี่ไฟฟ้า, พฤติกรรมการสูบบุหรี่ไฟฟ้า, นักเรียนระดับมัธยมบทคัดย่อ
การวิจัยเชิงสำรวจแบบตัดขวาง มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการสูบบุหรี่ไฟฟ้าของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาในเขตจังหวัดนครราชสีมา กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลาย ปีการศึกษา 2567 จำนวน 377 คน ใช้วิธีการสุ่มแบบง่ายแบบ 2 ขั้นตอน เครื่องมือวิจัย ได้แก่ 1) แบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคคล 2) ความรู้เกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า หาค่าความเชื่อมั่นด้วยสถิติคูเดอร์ริชาร์ดสัน ได้ค่า 0.89 3) การเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้า 4) การรับรู้ความรุนแรงของบุหรี่ไฟฟ้า 5) ทัศนคติต่อบุหรี่ไฟฟ้า และ 6) ปัจจัยเสริม หาความเชื่อมั่นด้วยสถิติอัลฟ่าของครอนบราค ได้ค่า 0.91, 0.92, 0.89 และ 0.86 ตามลำดับ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา ความถี่ ร้อยละ ไคสแควร์ การทดสอบฟิชเชอร์ และสหสัมพันธ์แบบสเปียร์แมน
ผลการวิจัยพบว่านักเรียนมัธยมสูบบุหรี่ไฟฟ้า ร้อยละ 29.2 โดยมีนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นสูบบุหรี่ไฟฟ้ามากที่สุด ร้อยละ 18.8 เพศหญิงสูบมากที่สุด ร้อยละ 15.1 อายุเฉลี่ยที่เริ่มสูบบุหรี่ไฟฟ้าครั้งแรก คือ 15.5 ปี อายุน้อยที่สุดที่เริ่มทดลองสูบบุหรี่ไฟฟ้าคือ 9 ปี นักเรียนร้อยละ 43.6 มีระดับค่าคะแนนเฉลี่ยความรู้เกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าอยู่ในระดับปานกลาง (M = 6.54, SD = 0.32) คะแนนเฉลี่ยการเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าได้ง่ายอยู่ในระดับสูง (M = 2.28, SD = 0.63) คะแนนเฉลี่ยการรับรู้ความรุนแรงของบุหรี่ไฟฟ้าอยู่ในระดับสูง (M = 1.98, SD = 0.30) คะแนนเฉลี่ยทัศนคติเชิงบวกต่อบุหรี่ไฟฟ้าอยู่ในระดับสูง (M = 3.16, SD = 0.44) ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการสูบบุหรี่ไฟฟ้าของนักเรียนระดับมัธยมศึกษา อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 มากที่สุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ แหล่งซื้อบุหรี่ไฟฟ้า (r=.696, p<.001) เพื่อนชักชวนให้สูบ (r=.429, p<.001) และทัศนคติต่อบุหรี่ไฟฟ้า (r=.330, p<.001) ข้อเสนอแนะ ควรพัฒนาโปรแกรมการป้องกันการสูบบุหรี่ไฟฟ้าในนักเรียนระดับมัธยมศึกษา โดยมีการสร้างทัศนคติที่ถูกต้อง การรับรู้ความรุนแรง ทักษะชีวิต ทักษะปฏิเสธ เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงในเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้า
เอกสารอ้างอิง
กิตติพงษ์ เรือนเพ็ชร, พรนภา หอมสินธุ์, และยุวดี ลีลัคนาวีระ. (2565). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการสูบบุหรี่ไฟฟ้าของนักเรียนชายอาชีวศึกษา จังหวัดบุรีรัมย์. วารสารพยาบาลทหารบก, 23(2), 531-539.
กรมควบคุมโรค. (2567). ข้อมูลวิชาการเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า. กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข.
จินตหรา มีถาวร, คมสันต์ เกียรติรุ่งฤทธิ์, ศิริไชย หงษ์สงวนศรี, และวศิน พิพัฒนฉัตร. (2565). ปัจจัยที่สัมพันธ์กับการสูบบุหรี่อย่างต่อเนื่องในวัยรุ่น. วารสารสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย, 67(1), 21–34.
ธิติ บุดดาน้อย, สุทิน ชนะบุญ, และเบญญาภา กาลเขว้า. (2562). พฤติกรรมการสูบบุหรี่ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น กรณีศึกษาโรงเรียนแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลนครขอนแก่น อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น. วารสารวิทยาศาสตร์สุขภาพและการสาธารณสุขชุมชน, 2(1), 139–152.
พรทิพา สุวัฒภิญโญ, มณฑา เก่งการพานิช, และธราดล เก่งการพานิช. (2564). ปัจจัยที่สัมพันธ์กับการสูบบุหรี่ไฟฟ้าของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายในเขตกรุงเทพมหานคร. วารสารสุขศึกษา, 44(2), 88-101.
พัตราภรณ์ พนัสชัย. (2566). ความชุกและปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการสูบบุหรี่ไฟฟ้าของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย จังหวัดสมุทรปราการ. วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยปทุมธานี, 4(2), 8–21.
ศรีรัช ลาภใหญ่. (2562). ผลิตภัณฑ์ยาสูบรูปแบบใหม่ในสื่อสังคมเครือข่าย และผลของการบังคับใช้กฎหมายผลิตภัณฑ์ยาสูบรูปแบบใหม่. วารสารกฎหมายและนโยบายสาธารณสุข 5(1), 13-29.
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ. (2567, 28 พฤษภาคม). บุหรี่ไฟฟ้า ผลร้ายที่เกิดกับเด็กและวัยรุ่น. https://happychild.thaihealth.or.th/บุหรี่ไฟฟ้า-ผลร้ายที่เก/
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานครราชสีมา. (2567). ระบบสารสนเทศสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานครราชสีมา. http://bigdata.mattayom31.go.th/info/?module=page_dm
อนัน โกนสันเทียะ. (2567). การพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการโดยเครือข่ายสุขภาพระดับพื้นที่ในการป้องกันการสูบบุหรี่ในนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา จังหวัดนครราชสีมา. วารสารวิจัยและพัฒนาด้านสุขภาพสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา, 10(1), 154–175.
Barrington-Trimis, J. L., Berhane, K., Unger, J. B., Cruz, T. B., Huh, J., Leventhal, A. M., Urman, R., Wang, K., Howland, S., Gilreath, T. D., Chou, C. P., Pentz, M. A., & McConnell, R. (2015). Psychosocial factors associated with adolescent electronic cigarette and cigarette use. Pediatrics, 136(2), 308–317. https://doi.org/10.1542/peds.2015-0639
Cho, J. H., Shin, E., & Moon, S.-S. (2011). Electronic-cigarette smoking experience among adolescents. Journal of Adolescent Health, 49(6), 542–546. https://doi.org/10.1016/j.jadohealth.2011.08.001
Daniel, W. W., & Cross, C. L. (2014). Biostatistics: Basic concepts and methodology for the health sciences (10th ed.). Wiley.
Green, L. W., Kreuter, M. W., Deeds, S. G., & Partridge, K. B. (1980). Health education planning: A diagnostic approach. Mayfield Publishing Company.
Tercyak, K. P., Phan, L., Gallegos-Carrillo, K., Mays, D., Audrain-McGovern, J., Rehberg, K., Li, Y., Cartujano-Barrera, F., & Cupertino, A. P. (2021). Prevalence and correlates of lifetime e-cigarette use among adolescents attending public schools in a low income community in the US. Addictive Behaviors, 114, 106738. https://doi.org/10.1016/j.addbeh.2020.106738
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 ราชาวดีสาร วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุรินทร์

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ตีพิมพ์ในราชาวดีสาร วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุรินทร์ ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรง ซึ่งกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใดๆ
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในราชาวดีสาร วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุรินทร์ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่หรือกระทำการใดๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากราชาวดีสาร วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุรินทร์ ก่อนเท่านั้น



