การพัฒนารูปแบบการป้องกันการพลัดตกหกล้มของผู้สูงอายุแบบสหปัจจัยโดยการมีส่วนร่วม ของภาคีเครือข่ายในชุมชน:
กรณีศึกษา ตำบลตากูก อำเภอเขวาสินรินทร์ จังหวัดสุรินทร์
คำสำคัญ:
การพัฒนารูปแบบ, การป้องกันภาวะพลัดตกหกล้ม, ผู้สูงอายุ, การมีส่วนร่วมบทคัดย่อ
การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสถานการณ์การหกล้มในผู้สูงอายุ พัฒนาการแบบการป้องกันและประเมินผลของการพัฒนาแบบการป้องกันการหกล้มในกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้เข้าร่วมการวิจัย คัดเลือกแบบเจาะจงจากผู้ที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ที่กำหนด ได้แก่ ผู้สูงอายุ 30 คน ผู้ดูแล 30 คน และภาคีเครือข่าย 30 คน รวม 90 คน เก็บข้อมูลระหว่างมีนาคมถึงธันวาคม 2567 การวิจัยแบ่งเป็น 4 ระยะ คือ 1) การวางแผน 2) การปฏิบัติการ 3) การสังเกตการณ์ และ 4) การสะท้อนผล เครื่องมือวิจัย ได้แก่ แบบประเมินความเสี่ยงต่อการหกล้ม แบบสอบถามการดูแลตนเอง แบบประเมินประสิทธิภาพของรูปแบบ แบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง เพื่อสัมภาษณ์เชิงลึก สนทนากลุ่ม และการสังเกตอย่างมีส่วนร่วม การวิเคราะห์ข้อมูลจะใช้สถิติเชิงพรรณนา เช่น สถิติ paired t-test และ McNemar test และการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงเนื้อหา
ผลการวิจัย พบว่า 1) ผู้สูงอายุมีความเสี่ยงต่อการหกล้ม มีความเข้าใจไม่เพียงพอ การป้องกันไม่ครอบคลุมแบบสหปัจจัย 2) พัฒนารูปแบบการเน้นการมีส่วนร่วมทุกขั้นตอน ได้แก่ คัดกรองความเสี่ยงแบบสหปัจจัย อบรมเชิงปฏิบัติการ สร้างยากันล้ม พัฒนานวัตกรรมกระบวนการต้านภัยล้ม เยี่ยมบ้าน ปรับปรุงที่พักอาศัย พัฒนาทุนทางสังคม 3) ความเสี่ยงในการหกล้มตัวของผู้สูงอายุ พบว่าจำนวนผู้สูงอายุที่ไม่เสี่ยงในการหกล้มมากกว่าก่อนการพัฒนารูปแบบ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ 0.05 (t=2.97, p-value = 0.016) ระดับคะแนนการดูแลตนเองเพื่อป้องกันการพลัดตกหกล้มของผู้สูงอายุหลังการพัฒนาฯ สูงกว่าก่อนการพัฒนาฯ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .001 (t= 4.202, p-value = 0.000) การประเมินประสิทธิภาพของรูปแบบภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (M = 4.54, SD = 0.71) ผลการประเมินคุณภาพนวัตกรรมภาพรวมอยู่ในระดับมาก (M = 4.48, SD = 0.72) ข้อเสนอแนะ หน่วยงานท้องถิ่นควรมีส่วนร่วมกำหนดแผนงานด้านการป้องกันการพลัดตกหกล้มแบบสหปัจจัยในผู้สูงอายุอย่างต่อเนื่อง
เอกสารอ้างอิง
กาญจนา พิบูลย์, ไพบูลย์ พงษ์แสงพันธ์, พวงทอง อินใจ, และมยุรี พิทักษ์ศิลป์. (2560). รายงานการวิจัยเรื่องประสิทธิผลของโปรแกรมป้องกันการหกล้มแบบสหปัจจัยในผู้สูงอายุที่อาศัยในชุมชน. คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา.
จิรัชญา เหล่าคมพฤฒาจารย์, ปาริชาต ญาตินิยม, และธิติรัตน์ เหล่าคมพฤฒาจารย์. (2567). การพัฒนารูปแบบการป้องกันภาวะพลัดตกหกล้มสำหรับผู้สูงอายุโดยการมีส่วนร่วมของครอบครัวชุมชนท้องถิ่นในพื้นที่เป้าหมาย ABC 6-D จังหวัดชัยภูมิ. วารสารศูนย์อนามัยที่ 9, 18(3), 851-865.
ณัฐกฤตา ศิริโสภณ. (2561). ประสิทธิผลของนวัตกรรมที่ส่งเสริมพฤติกรรมการป้องกันการหกล้มในผู้สูงอายุ. วารสารพยาบาลทหารบก, 19(พิเศษ), 495-504.
ทิพวรรณ โคตรสีเขียว, และดิษฐพล ใจซื่อ. (2565). การพัฒนารูปแบบการป้องกันการพลัดตกหกล้มในผู้สูงอายุโดยการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายสุขภาพในชุมชน. วารสารสํานักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น, 4(2), 255-69.
นิพา ศรีช้าง, และลวิตา คำวี. (2564) . การพยากรณ์การพลัดตกหกล้มของผู้สูงอายุ (อายุ 60 ปี ขึ้นไป) ในประเทศไทย ปีพ.ศ. 2560-2564. สำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข.
เพ็ญพักตร์ หนูผุด, ดุสิต พรหมอ่อน, สมเกียรติยศ วรเดช, และปุญญพัฒน์ ไชยเมล. (2563). ความชุกของภาวะเสี่ยงล้มและปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อภาวะเสี่ยงล้มในกลุ่มผู้สูงอายุ. วารสารวิทยาศาสตร์การกีฬาและสุขภาพ, 21(1), 125–137.
ภัณฑิลา ผ่องอำไพ, สุธีรา ฮุ่นตระกูล, และศศิธร รุจนเวช. (2561). ผลของโปรแกรมการเสริมพลังครอบครัวต่อความสามารถในการป้องกันการหกล้มของผู้สูงอายุ. วารสารแพทย์นาวี, 45(2), 311-327.
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลตากูก อำเภอเขวาสินรินทร์ จังหวัดสุรินทร์. (2566). รายงานประจำปี 2566. โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลตากูก.
วราณี สัมฤทธิ์, ธิดารัตน์ สุภานันท์, และนันทยา เสนีย์. (2567). ประสิทธิผลของโปรแกรมการป้องกันการหกล้มโดยการมีส่วนร่วมของครอบครัวต่อพฤติกรรมการป้องกันการหกล้มสำหรับผู้สูงอายุในชุมชน. วารสารวิทยาศาสตร์สุขภาพ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีสรรพสิทธิประสงค์, 8(2), 1-13.
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุรินทร์. (2565). รายงานประจำปี 2565. สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด สุรินทร์.
Albasha, N., McCullagh, R., Cornally, N., & Timmons, S. (2023). Staff knowledge, attitudes and confidence levels for fall preventions in older person long-term care facilities: A cross-sectional study. BMC Geriatrics, 23(595). https://doi.org/10.1186/s12877-023-04323-0
Ba, H. M., Maasalu, K., & Duy, B. H. (2022). Reducing falls among Asian community-dwelling Older People through Fall Prevention Programs: An Integrative review. Pacific Rim International Journal Nursing Research, 26(4), 658-673.
Daniel, W. W. (2018). Determination of sample size for estimating propositions. In W. W. Daniel (Ed.), Biostatistics: A foundation for analysis in the health science (pp. 143-188). John Wiley & Sons.
Heinrich, H. W., Peterson, D., & Roon, N. (1931). Industrial accident prevention: A scientific approach. McGraw-Hill.
Kemmis, S., McTaggart, R. (1988). The action research reader (3rd ed). Deakin University Press.
Li, I. F, Hsiung, Y., Hsing, H.F., Lee, M.Y., Chang, T. H., & Huang, M.Y. (2016). Elderly Taiwanese's intrinsic risk factors for fall-related Injuries. International Journal of Gerontology, 10(3), 137-141.
Lyons, A., Adams, R. J., Titler, N. (2005). The effects of music on anxiety and pain in children and adolescents: A systematic review. Journal of Pediatric Nursing, 20(5), 311-326.
Orem, D. E., Taylor, S. G., & Renpenning, K. M. (2001). Nursing: Concepts of practice (6th ed.). Mosby.
Thiamwong, L., Thamarpirat, J., Maneesriwongul, W., & Jitapunkul, S. (2008). Thai falls risk assessment test (Thai-FRAT) developed for community-dwelling Thai elderly. Journal of the Medical Association of Thailand, 91(12), 1823–1831.
United Nations. (2019). World population prospects: The 2019 revision. https://population.un.org
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 ราชาวดีสาร วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุรินทร์

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ตีพิมพ์ในราชาวดีสาร วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุรินทร์ ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรง ซึ่งกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใดๆ
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในราชาวดีสาร วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุรินทร์ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่หรือกระทำการใดๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากราชาวดีสาร วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุรินทร์ ก่อนเท่านั้น



