โปรแกรมให้คำปรึกษาต่อความวิตกกังวลของผู้ป่วยที่มีผลตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกผิดปกติ โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรี
คำสำคัญ:
ผลตรวจมะเร็งปากมดลูกผิดปกติ, การส่องกล้องปากมดลูก, ความวิตกกังวล, โปรแกรมให้คำปรึกษาบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยแบบ Quasi–experimental design มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับความวิตกกังวลของผู้ป่วยมีผลตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกผิดปกติ และเพื่อวิเคราะห์เปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยความวิตกกังวลของผู้ป่วยกลุ่มทดลอง และกลุ่มควบคุมหลังได้รับโปรแกรมให้คำปรึกษา กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้ป่วยที่มีผลการตรวจมะเร็งปากมดลูกผิดปกติมารับการส่องกล้องปากมดลูกในคลินิกนรีเวช โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรี ระหว่างเดือนเมษายน 2567 – กรกฎาคม 2567 เลือกกลุ่มตัวอย่างโดยการสุ่มอย่างง่าย จำนวน 24 ราย แบ่งเป็นกลุ่มควบคุม 12 ราย กลุ่มทดลอง 12 ราย กลุ่มควบคุม คือ กลุ่มที่ได้รับโปรแกรมให้คำปรึกษาแบบมาตรฐาน กลุ่มทดลอง คือ กลุ่มที่ได้รับโปรแกรมให้คำปรึกษาแบบมาตรฐานร่วมกับการได้รับสื่อวิดิทัศน์ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถามข้อมูลทั่วไป แบบประเมินความวิตกกังวลและซึมเศร้า (Thai HADS) และสื่อของโปรแกรม ได้แก่ วิดิทัศน์เรื่องการส่องกล้องปากมดลูก วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงบรรยาย ประกอบด้วยจำนวน ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และวิเคราะห์เปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยความวิตกกังวลของผู้ป่วยกลุ่มทดลอง และกลุ่มควบคุมด้วยสถิติ independent sample t–test ผลการศึกษาพบว่าคะแนนเฉลี่ยความวิตกกังวลในกลุ่มควบคุม และกลุ่มทดลองก่อนได้รับโปรแกรมให้คำปรึกษาไม่แตกต่างกัน ซึ่งทั้งสองกลุ่มมีคะแนนเฉลี่ยความวิตกกังวลอยู่ในระดับวิตกกังวลปกติ ผลการเปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยความวิตกกังวลในกลุ่มควบคุม และกลุ่มทดลองหลังได้รับโปรแกรมให้คำปรึกษาพบว่าแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P=0.01) และเมื่อเปรียบเทียบความวิตกกังวลระหว่างกลุ่มควบคุม และกลุ่มทดลอง หลังใช้โปรแกรมให้คำปรึกษา ผลการศึกษาพบว่าทั้งสองกลุ่มมีความวิตกกังวลแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P<0.001) ดังนั้นผู้ป่วยที่มีผลการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกผิดปกติ ควรได้รับการให้คำปรึกษาแบบ มาตรฐานร่วมกับการได้รับสื่อวิดิทัศน์ เพื่อลดความวิตกกังวลเกี่ยวกับความผิดปกติ และการตรวจวินิจฉัยที่จะได้รับ สื่อวิดิทัศน์ดังกล่าวนำไปสู่การพัฒนาแนวทางการให้คำปรึกษาสำหรับผู้ป่วยที่มีผลตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกผิดปกติ และเพื่อพัฒนาคุณภาพการบริการให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
เอกสารอ้างอิง
Cancer Tomorrow [Internet]. [cited 2024 Jan 26]. Available from: https://gco.iarc.fr/tomorrow/en.
Cancer in Thailand [Internet]. [cited 2024 Jan 26]. Available from: https://www.nci.go.th/e_ book/cit_x/index.html.
ไอรีน เรืองขจร. มะเร็งปากมดลูก. กรุงเทพมหานคร: บริษัท พี.เอ.ลีฟวิ่งจำกัด; 2561;2–6,76-100
ChampaWan Tatila. State Anxiety. วารสารพุทธจิตวิทยา. 2018;3:13–20.
Chotpatiwetkun Wa Rin. Effect of Counseling on Anxiety Among Women with Abnormal Cervical Cancer Screening. PMJCS Phrae Med J Clin Sci. 2020;28:81–91.
Karakuş Selçuk Aslı, Yanikkerem Emre. The effect of web-based education on Pap smear behaviours of teachers. Eur J Cancer Care (Engl). 2020;29: e13202.
ธนา นิลชัยโกวิทย์ และคณะ. การพัฒนาแบบสอบถาม Hospital Anxiety and Depression Scale ฉบับภาษาไทยในผู้ป่วยโรคมะเร็ง. วารสารสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย :JOURNAL OF THE PSYCHIATRIC ASSOCIATION OF THAILAND [Internet]. [cited 2024 Jan 25]. Available from: https://www.psychiatry.or.th/JOURNAL/v4112.htm.
นพ.สุเพชร ทุ้ยแป และคณะ. Essentials in Gynecologic Oncology. กรุงเทพมหานคร: บริษัท บียอนด์ เอ็นเตอร์ไพรช์; 2555.13,20-33.
การส่องกล้องปากมดลูกด้วยคอลโปสโคป (colposcopy) – Department of Obstetrics and Gynecology Faculty of Medicine Chiang Mai University [Internet]. [cited 2024 Feb 9]. Available from: https://w1.med.cmu.ac.th/obgyn/lecturestopics/topic review/4309/.
ไอรีน เรืองขจร. มะเร็งปากมดลูก. กรุงเทพมหานคร: บริษัท พี.เอ.ลีฟวิ่งจำกัด;2561.101–08.
สมศิริ เกษตรเวทิน, ณัฐพัชร์ พรหมมินทร์. ผลของการให้ข้อมูลต่อความวิตกกังวลในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมก่อนผ่าตัด. วารสารการแพทย์โรงพยาบาลอุดรธานี. 2017;25:162–70.
อารีย ธวัชวัฒนานันท, วารินทร บินโฮเซ็น. ผลของการให้ข้อมูลโดยใช้สื่อวีดีทัศน์เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนผ่าตัดต่อความวิตกกังวลในผู้ที่ได้รับการผ่าตัดต้อกระจกแบบไม่ค้างคืน. มหาราช นครศรีธรรมราชเวชสาร. 2020 Jan 1;3:19–29.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มูลนิธิสถาบันมะเร็งแห่งชาติ

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความทีตีพิมพ์ในวารสารโรคมะเร็งนี้ถือว่าเป็นลิขสิทธิ์ของมูลนิธิสถาบันมะเร็งแห่งชาติ และผลงานวิชาการหรือวิจัยของคณะผู้เขียน ไม่ใช่ความคิดเห็นของบรรณาธิการหรือผู้จัดทํา
