การประยุกต์ใช้อุปกรณ์วัดระดับน้ำชนิดอ่านค่าตัวเลขแบบดิจิทัลช่วยกำหนดระนาบลาดเอียงของพื้นผิวของทรวงอกในการจัดท่าฉายรังสีผู้ป่วยมะเร็งเต้านม
คำสำคัญ:
ความคลาดเคลื่อนในการจัดท่าผู้ป่วยฉายรังสี, ระบบ Laser, อุปกรณ์วัดระดับน้ำชนิดอ่านค่าตัวเลขแบบดิจิทัลบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เพื่อศึกษาประสิทธิภาพและความแม่นยำของการใช้ระบบ Laser ร่วมกับการใช้อุปกรณ์ วัดระดับน้ำชนิดอ่านค่าตัวเลขแบบดิจิทัล (Digital spirit water level: DSL) เปรียบเทียบกับการใช้ระบบ Laser ซึ่งเป็นวิธีมาตรฐาน โดยตรวจสอบและประเมินความคลาดเคลื่อนซึ่งเกิดได้หลายปัจจัย เช่น การใช้อุปกรณ์ยึดตรึง ความชำนาญในการจัดท่าของนักรังสีการแพทย์ และตัวผู้ป่วยเอง ในการจัดท่าผู้ป่วยมะเร็งเต้านมก่อนการฉายรังสี ด้วยเทคนิค Three Dimension Conformal Radiotherapy (3DCRT), Intensity Modulated Radiotherapy (IMRT), Volumetric Arc radiotherapy (VMAT) ในเครื่องฉายรังสียี่ห้อ ELEKTA InfinityTH และยี่ห้อ Accuray TomoH จำนวน 34 ราย ด้วยวิธีการคัดเลือกตามเกณฑ์คัดเข้าและคัดออก ซึ่งประเมินความคลาดเคลื่อน 3 แกน ได้แก่ แนวซ้าย-ขวา หรือ แกน X แนวศีรษะ-เท้า หรือ แกน Y และแนวหน้า-หลัง หรือ แกน Z จากการถ่ายภาพเอกซเรย์ในโหมด kV-kV- imaging และ Cone beam Computed Tomography (CBCT) เปรียบเทียบกับภาพเอกซเรย์จากการจำลองการฉายรังสีด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ ผลการศึกษากลุ่มผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่ได้รับการจัดท่าก่อนฉายรังสีโดยใช้ระบบ Laser เพียงอย่างเดียว มีค่าเฉลี่ยความคลาดเคลื่อน แนวแกน X แนวแกน Y และแนวแกน Z เท่ากับ -0.23±2.67 มม., -0.09±2.02 มม. และ 3.09±2.84 มม. ตามลำดับ กลุ่มที่ใช้ระบบ Laser+DSL มีค่าเฉลี่ยความคลาดเคลื่อน แนวแกน X แนวแกน Y และแนวแกน Z เท่ากับ -1.01±1.54 มม. -0.38±2.05 มม. และ -0.26±1.68 มม. ตามลำดับ เมื่อวิเคราะห์ด้วยสถิติ Independent t-tests เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยความคลาดเคลื่อนระหว่าง 2 ระบบ พบว่าค่าเฉลี่ยแนวแกน X และแนวแกน Y ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ (P=0.305 และ P=0.689 ตามลำดับ) แนวแกน Z พบว่ามีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ (P=0.003) และศึกษาระยะเวลาเฉลี่ยในการจัดท่าทางผู้ป่วยพบว่าการจัดท่าโดยใช้ระบบ Laser ใช้เวลาเฉลี่ยเท่ากับ 40±21.86 นาที ส่วนการใช้ระบบ Laser+DSL ใช้เวลาจัดท่าทางเฉลี่ย เท่ากับ 7.94±6.13 นาที ซึ่งแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ (P<0.001) นอกจากนี้ได้เปรียบเทียบจำนวนครั้งเฉลี่ยของการถ่ายภาพซ้ำในการใช้ระบบ Laser และระบบ Laser+DSL พบว่ามีค่าเท่ากับ 8.00±4.37 ครั้ง และ 1.58±1.23 ครั้ง ซึ่งมีค่าแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ (P<0.001) สำหรับค่าความคลาดเคลื่อนโดยรวม (Total Vector Error: TVE) ของอุปกรณ์ที่ใช้ระบบ Laser และที่ใช้ระบบ Laser+DSL มีค่าเท่ากับ 3.12 และ 1.11 มม. ตามลำดับ และได้ศึกษาค่าความคลาดเคลื่อนเฉลี่ยของขอบเขตของปริมาตรเป้าหมายการวางแผน (Planning Target Volume margin: PTV margin) ทั้งแนวแกน X แนวแกน Y และแนวแกน Z ของอุปกรณ์ที่ใช้ระบบ Laser และที่ใช้ระบบ Laser+DSL มีค่าดังนี้ 11.34, 12.49, 17.48 และ 8.85, 8.92 และ 7.56 มม. ตามลำดับ สรุปการเปรียบเทียบการใช้อุปกรณ์ 2 ระบบ คือ ระบบ Laser ซึ่งเป็นระบบมาตรฐาน และระบบ Laser+DSL พบว่าค่าความคลาดเคลื่อนในการจัดท่าผู้ป่วยมะเร็งเต้านมไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ ในแนวแกน X และแนวแกน Y ยกเว้นแนวแกน Z ดังนั้นการใช้ระบบ Laser+DSL จึงช่วยเพิ่มความแม่นยำในการจัดท่าผู้ป่วยเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะแนวแกน Z ลดค่าความคลาดเคลื่อนเฉลี่ยโดยรวม (TVE) ลดค่าความคลาดเคลื่อนขอบเขต PTV margin และลดเวลาในการจัดท่าผู้ป่วย รวมถึงลดจำนวนครั้งของการถ่ายภาพซ้ำส่งผลให้ผู้ป่วยไม่ได้รับปริมาณรังสีเพิ่มโดยไม่จำเป็นตามหลักด้านความปลอดภัยและการป้องกันอันตรายจากรังสี
เอกสารอ้างอิง
Arnold M, Morgan E, Rumgay H, Mafra A, Singh D, Laversanne M, et al. Current and future burden of breast cancer: Global statistics for 2020 and 2040. Breast (Edinburgh, Scotland) 2022;66:15-23.
สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์. Cancer in Thailand IX, 2016-2018. Bangkok. [Internet]. 2024 [cited 2024 Jun 27]. Available from: https://www.nci.go.th/e_book/cit_x/index.html
สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์. ทะเบียนมะเร็งระดับโรงพยาบาล พ.ศ. 2563 (Hospital-based cancer registry 2020) [อินเทอร์เน็ต]. กรุงเทพฯ: กรมการแพทย์, สถาบันมะเร็งแห่งชาติ; 2565 [สืบค้นวันที่ 3 ส.ค. 2567]. เข้าถึงได้จาก: https://www.nci.go.th/e_book/hosbased_2563/index.html
สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์. ทะเบียนมะเร็งระดับโรงพยาบาล พ.ศ. 2564 (Hospital-based cancer registry 2021) [อินเทอร์เน็ต]. กรุงเทพฯ: กรมการแพทย์, สถาบันมะเร็งแห่งชาติ; 2565 [สืบค้นวันที่ 2 ส.ค. 2567]. เข้าถึงได้จาก: https://www.nci.go.th/th/cancer_record/download/ HOSPITAL-BASED_2021.pdf
สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์. ทะเบียนมะเร็งระดับโรงพยาบาล พ.ศ. 2565 (Hospital-based cancer registry 2022) [อินเทอร์เน็ต]. กรุงเทพฯ: กรมการแพทย์, สถาบันมะเร็งแห่งชาติ; 2565 [สืบค้นวันที่ 1 ส.ค. 2567]. เข้าถึงได้จาก:https://www.nci.go.th/th/cancer_record/download/ Hosbased-2022-1.pdf
McGale P, Taylor C, Correa C, Cutter D, Duane F, Ewertz M, et al. Effect of radiotherapy after mastectomy and axillary surgery on 10-year recurrence and 20-year breast cancer mortality: meta-analysis of individual patient data for 8135 women in 22 randomised trials. Lancet 2014;383:2127-35.
Darby S, McGale P, Correa C, Taylor C, Arriagada R, Clarke M, et al. Effect of radiotherapy after breastconserving surgery on 10-year recurrence and 15-year breast cancer death: meta-analysis of individual patient data for 10,801 women in 17 randomised trials. Lancet 2011;378:1707-16.
Verma V, Vicini F, Tendulkar RD, Khan AJ, Wobb J, Edwards-Bennett S, et al. Role of internal mammary node radiation as a part of modern breast cancer radiation therapy: a systematic review. Int J Radiat Oncol Biol Phys 2016;95:617-31.
บัญชา พันธุ์แตง, กนกพร ม่วงคำพร, ภัทราพร ฐาศศิร์, สกุลตลา รื่นจิตร, ปณิชา นวลสุธา, ทวีป แสงแห่งธรรม. การประเมินความคลาดเคลื่อนของการจัดท่าสำหรับการฉายรังสีรักษาในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมโดยใช้ระบบภาพผิวแบบสามมิติ. J Thai Assoc Radiat Oncol 2020;26:R68-R75.
Van Herk M. Errors and margins in radiotherapy. Semin Radiat Oncol 2004;14:52-64
Chung MJ, Lee GJ, Suh YJ, Lee HC, Lee S-W, Jeong S, et al. Setup error and effectiveness of weekly image-guided radiation therapy of TomoDirect for early breast cancer. Cancer Res Treat Off J Korean Cancer Assoc 2015;47:774-80.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความทีตีพิมพ์ในวารสารโรคมะเร็งนี้ถือว่าเป็นลิขสิทธิ์ของมูลนิธิสถาบันมะเร็งแห่งชาติ และผลงานวิชาการหรือวิจัยของคณะผู้เขียน ไม่ใช่ความคิดเห็นของบรรณาธิการหรือผู้จัดทํา
