ระยะเวลาการรอดชีวิตของผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดีระยะลุกลามชาวไทยที่ได้รับการรักษา ด้วยยาเคมีบำบัด ยามุ่งเป้า หรือยาภูมิคุ้มกันบำบัด

ผู้แต่ง

  • ชามา สุขพระคุณ กลุ่มงานเภสัชกรรม โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
  • ณัฏฐดา อารีเปี่ยม คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  • ชิดชนก รุ่งเรือง คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

คำสำคัญ:

มะเร็งท่อน้ำดีระยะลุกลาม, ระยะเวลารอดชีวิตโดยไม่มีการลุกลามของโรค, การมีชีวิตรอด เหตุการณ์การไม่พึงประสงค์

บทคัดย่อ

                   มะเร็งท่อน้ำดีเป็นมะเร็งชนิดหนึ่งที่มีอุบัติการณ์และอัตราการเสียชีวิตทั่วโลกเพิ่มขึ้นทุกปี ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีอุบัติการณ์ของมะเร็งท่อน้ำดีสูงที่สุดในโลก ทางเลือกในการรักษาหลักในปัจจุบันคือการให้ยาเคมีบำบัด สูตรยาที่เลือกใช้ในการรักษาเป็นอันดับแรก คือ cisplatin หรือ carboplatin/gemcitabine โดยอาจให้ร่วมกับยารักษาแบบมุ่งเป้า อย่างไรก็ตามข้อมูลด้านประสิทธิผลและความปลอดภัยของการใช้ยาเคมีบำบัด ยามุ่งเป้า หรือยาภูมิคุ้มกันบำบัดในผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดีระยะลุกลามในประเทศไทยยังมีอยู่จำกัด งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของการใช้ยาเคมีบำบัดและ/หรือยามุ่งเป้าในการรักษาผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดีระยะลุกลามในผู้ป่วยชาวไทย เป็นการศึกษาแบบย้อนหลังเชิงพรรณนา เก็บข้อมูลจากประวัติเวชระเบียนของผู้ป่วยที่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2558 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2564 ผลการวิจัย มีผู้ป่วยที่ผ่านเกณฑ์การคัดเข้าจำนวน 67 ราย ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย (ร้อยละ 62.69) มีอายุเฉลี่ย 63.07±9.30 ปี ด้านประสิทธิผลพบว่าค่ามัธยฐานของระยะเวลารอดชีวิตโดยไม่มีการลุกลามของโรค (median progression free survival) เท่ากับ 9 เดือน (95% CI, 6.7-11.2) และค่ามัธยฐานของการมีชีวิตรอด (median overall survival) เท่ากับ 14 เดือน (95% CI, 11.0-16.9) ด้านความปลอดภัยของยา พบว่า มีผู้ป่วยที่เกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จากยา cisplatin/gemcitabine จำนวน 57 ราย จากผู้ใช้ทั้งหมด 59 ราย โดยเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่พบบ่อย ได้แก่ คลื่นไส้/อาเจียน 57 ราย (ร้อยละ 99.6) ท้องผูก 39 ราย (ร้อยละ 66.1) และท้องเสีย 33 ราย (ร้อยละ 55.9) โดยสรุป ผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดีที่ได้รับยาเคมีบำบัดและ/หรือยามุ่งเป้า มีค่ามัธยฐานของการรอดชีวิตสูงกว่าการศึกษาที่ผ่านมา ส่วนค่ามัธยฐานของระยะเวลารอดชีวิตโดยไม่มีการลุกลามของโรคใกล้เคียงกับการศึกษาที่ผ่านมา แต่พบเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์มากกว่าในผู้ป่วยชาวไทย

เอกสารอ้างอิง

Banales JM, Marin JJG, Lamarca A, Rodrigues PM, Khan SA, Roberts LR, et al. Cholangiocarcinoma 2020: the next horizon in mechanisms and management. Nat Rev Gastroenterol Hepatol. 2020;17:557-88.

สถาบันมะเร็งแห่งชาติ. ทะเบียนมะเร็งระดับโรงพยาบาล พ.ศ.2563 [อินเทอร์เน็ต]. 2563 [เข้าถึงเมื่อ 26 พฤษภาคม 2567]. เข้าถึงได้จาก: https://www.nci.go.the_book/hosbased_2563/ files/main.pdf.

สถาบันมะเร็งแห่งชาติ. แนวทางการตรวจคัดกรองวินิจฉัยโรคมะเร็งตับและท่อน้ำดี 2011 [อินเทอร์เน็ต]. 2554. [เข้าถึงเมื่อ 26 พฤษภาคม 2567]. เข้าถึงได้จาก: https://www.nci. go.th/th/cpg/download %20Liver/01.pdf.

Weigt J, Malfertheiner P. Cisplatin plus gemcitabine versus gemcitabine for biliary tract cancer. Expert Rev Gastroenterol Hepatol. 2010;4:395-7.

Malka D, Cervera P, Foulon S, Trarbach T, de la Fouchardière C, Boucher E, et al. Gemcitabine and oxaliplatin with or without cetuximab in advanced biliary-tract cancer (BINGO): a randomized, open-label, non-comparative phase 2 trial. Lancet Oncol. 2014;15:819-28.

Okusaka T, Nakachi K, Fukutomi A, Mizuno N, Ohkawa S, Funakoshi A, et al. Gemcitabine alone or in combination with cisplatin in patients with biliary tract cancer: a comparative multicentre study in Japan. Br J Cancer. 2010;103:469-74.

Li-Tzong C, Jen-Shi C, Yee C, Chang-Sung T, Yan-Shen S, Chiun H, et al. KRAS mutation status-stratified randomized phase II trial of GEMOX with and without cetuximab in advanced biliary tract cancer (ABTC): The TCOG T1210 trial. Available from: http://www. https://ascopubs.org/doi/10.1200/jco.2013.31.15_suppl.4018. Accessed May 26, 2024.

Valle J, Wasan H, Palmer DH, Cunningham D, Anthoney A, Maraveyas A, et al. Cisplatin plus Gemcitabine versus Gemcitabine for Biliary Tract Cancer. New England Journal of Medicine. 2010;362:1273-81.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2024-09-17

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย