อาการรบกวนและปัจจัยที่สัมพันธ์กับอาการรบกวนในผู้ป่วยมะเร็งระยะลุกลาม ที่รับบริการโรงพยาบาลมะเร็งลพบุรี
คำสำคัญ:
อาการรบกวน, ปัจจัยที่สัมพันธ์กับอาการรบกวน, ผู้ป่วยมะเร็งระยะลุกลามบทคัดย่อ
การศึกษาวิจัยนี้เป็นแบบภาคตัดขวางด้วยการเก็บข้อมูลย้อนหลัง วัตถุประสงค์เพื่อที่จะศึกษาลักษณะของอาการรบกวนและปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับอาการรบกวนในผู้ป่วยมะเร็งระยะลุกลาม กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้ป่วยโรคมะเร็งระยะลุกลาม 7 ชนิด ได้แก่ ปอด ลำไส้ เต้านม ปากมดลูก ศีรษะและลำคอ ตับและท่อทางเดินน้ำดี ที่เข้ามารับบริการในโรงพยาบาลมะเร็งลพบุรี ระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2562–28 กุมภาพันธ์ 2563 จำนวน 360 ราย เก็บรวบรวมข้อมูลประวัติผู้ป่วยจากเวชระเบียน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนาและสถิติ chi-square test ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างได้รับการวินิจฉัยเป็นมะเร็งระยะลุกลาม จำแนกตามอวัยวะคือ ปอด ร้อยละ 32.4 เต้านม ร้อยละ 22.2 มะเร็งศีรษะและลำคอ ร้อยละ 15.3 ลำไส้ ร้อยละ 12.2 ตับ ร้อยละ 7.0 ปากมดลูก ร้อยละ 6.5 และท่อทางเดินน้ำดี ร้อยละ 4.4 อาการรบกวนในผู้ป่วยมะเร็งระยะลุกลามที่พบบ่อย 5 อันดับแรก ได้แก่ อาการปวด ร้อยละ 84 อาการอ่อนล้าอ่อนเพลีย ร้อยละ 73 ความรู้สึกไม่สบาย ร้อยละ 68 หายใจไม่อิ่ม ร้อยละ 55 วิตกกังวล ร้อยละ 48 และปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับอาการรบกวน 3 ลำดับแรก ได้แก่ ตำแหน่งที่มีการลุกลาม วิธีการจัดการอาการรบกวน และระดับความสามารถในการดูแลตนเอง ดังนี้ 1. มะเร็งเต้านมที่ลุกลามไปกระดูกและมะเร็งเต้านมที่ไม่ลุกลามไปสมองมีความสัมพันธ์กับอาการปวด P=0.001, P=0.009 ตามลำดับ มะเร็งเต้าที่ลุกลามไปกระดูกมีความสัมพันธ์กับอาการอ่อนล้าอ่อนเพลีย P=0.042 มะเร็งเต้านมที่ไม่ลุกลามไปสมองมีความสัมพันธ์กับความรู้สึกไม่สบาย P=0.046 2. วิธีการจัดการอาการรบกวนมีความสัมพันธ์กับอาการอาการอ่อนล้าอ่อนเพลียและความรู้สึกไม่สบาย P=0.001 3. ระดับความสามารถในการดูแลตนเองมีความสัมพันธ์กับอาการปวด อาการอ่อนล้าอ่อนเพลียและความรู้สึกไม่สบาย P=0.002, P=0.016, P=0.043 ตามลำดับ สรุปได้ว่า ผู้ป่วยมะเร็งระยะลุกลามมีอาการรบกวนที่สำคัญ คือ ปวด อ่อนล้าอ่อนเพลีย ความรู้สึกไม่สบาย และปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับอาการรบกวน ได้แก่ ตำแหน่งที่มีการลุกลาม วิธีการจัดการอาการรบกวน และระดับความสามารถในการดูแลตนเอง ทั้งนี้ควรมีการศึกษาเชิงลึกในการจัดการอาการปวด อาการอ่อนล้าอ่อนเพลีย ความรู้สึกไม่สบาย อาการหายใจไม่อิ่ม และอาการวิตกกังวลในอนาคต
เอกสารอ้างอิง
Ferlay J, Colombet M, Soerjomataram I, Parkin DM, Piñeros M, Znaor A, et al. Cancer statisticsfor the year 2020: An overview. International Journal of Cancer. 2021;149(4):778–89
กองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข. สถิติสาธารณสุข พ.ศ. 2564
พวงทอง ไกรพิบูลย์. อยู่กับมะเร็งอย่างเป็นสุข. กรุงเทพมหานคร: ซีเอ็ดยูเคชั่น; 2551.
วราภรณ์ ภูธิวุฒิ, อิสระ เจียวิริยบุญญา. อัตราการรอดชีพผู้ป่วยโรคมะเร็งที่พบมาก 5 อันดับแรก ที่เข้ารับการรักษาปี 2553
ในโรงพยาบาลมะเร็งอุดรธานี. Journal of The Department of Medical Services.2019;44(1):81–6.
Howlader N, Noone AM, Krapcho M, Miller D, Brest A, Yu M, et al. SEER Cancer Statistics
Review,1975-2018, National Cancer Institute. Bethesda, MD. 2021.
สุชาวดี รุ่งแจ้ง, รัชนี นามจันทรา. การจัดการอาการในผู้ป่วยมะเร็งปอดระยะลุกลาม. Thai Journal of Cardio-Thoracic Nursing. 2016;27(2):43–57
นภา ทวียรรยงกุล, สุชิรา ชัยวิบูลย์ธรรม, บัวหลวง สำแดงฤทธิ์. ประสบการณ์อาการ และการจัดการใน
ผู้ป่วยมะเร็งระยะลุกลามที่ได้รับการดูแลแบบประคับประคอง. 2558 [cited 2023 Jul 13]; Available from: https://repository.li.mahidol.ac.th/handle/123456789/47970
Kaye AD, Baluch A, Scott JT. Pain Management in the Elderly Population: A Review. Ochsner Journal. 2010;10(3):179–87.
กิติกร นิลมานัต, วงจันทร์ เพชรพิเชฐเชียร, วันธณี วรุฬห์พานิช, สุรีย์พร กฤษเจริญ. การสำรวจ ประสบการณ์อาการที่พบบ่อยและการจัดการอาการของผู้ป่วยมะเร็งในประเทศไทย. มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์; 2549.
วิภาดา พึ่งสุข, พิษณุรักษ์ กันทวี, ภัทรพล มากมี. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ได้รับการดูแลแบบประคับประคองในระยะท้าย จังหวัดเชียงราย. Nursing Journal of The Ministry of Public Health. 2019;29(2):116–28.
Park SA, Chung SH, Lee Y. Factors influencing the quality of life of patients with advanced cancer. Applied Nursing Research. 2017; 33:108–12.
Leleszi JP, Lewandowski JG. Pain Management in End-of-Life Care. Journal of Osteopathic
Medicine. 2005 Mar 1;105(s3):6–11.
Chinda M, Jaturapatporn D, Kirshen AJ, Udomsubpayakul U. Reliability and Validity of a Thai Version of the Edmonton Symptom Assessment Scale (ESAS-Thai). Journal of Pain and Symptom Management. 2011;42(6):954–60.
แสงระวี แทนทอง, อำภาพร นามวงศ์พรหม, น้ำอ้อย ภักดีวงศ์. ประสบการณ์อาการและคุณภาพชีวิตของ ผู้ป่วยมะเร็งระยะลุกลามที่ได้รับรังสีรักษา. APHEIT Journal of Nursing and Health. 2016;5(1):39– 47.
Enblom A, Bergius Axelsson B, Steineck G, Hammar M, Börjeson S. One third of patients with radiotherapy-induced nausea consider their antiemetic treatment insufficient. Support Care Cancer. 2009;17(1):23–32.
Lueboonthavatchai P. Prevalence and psychosocial factors of anxiety and depression in breast cancer patients. Journal-Medical Association of Thailand. 2007;90(10):21–64.
Gorman JM. Gender differences in depression and response to psychotropic medication. Gender Medicine. 2006;3(2):93–109.
บุษยามาส ชีวสกุลยง. คู่มือการดูแลผู้ป่วยระยะท้ายและครอบครัว. กรุงเทพมหานคร: บียอนด์ เอ็นเทอร์ไพรซ์ จำกัด
Jindakul P, Namvongprom A, Pakdevong Noy. ประสิทธิผลของโปรแกรมการสนับสนุนและให้ ความรู้ต่อความสามารถในการดูแลตัวเอง การรับรู้ความรุนแรงของอาการข้างเคียงจากเคมีบำบัด และ ความวิตกกังวลในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะแรกที่เข้ารับการรักษาเสริมด้วยเคมีบำบัด. Thai Cancer Journal. 2018;38(3):105–16.
ฉัตรกมล เจริญวิภาดา. กรณีศึกษา: การพยาบาลผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย ต่อเนื่องจากสถานพยาบาลไปยังบ้านและชุมชนในบริบทของศูนย์การดูแลแบบประคับประคอง หน่วยงานให้คำปรึกษา กลุ่มการพยาบาล โรงพยาบาลคลองท่อม. Krabi Medical Journal.2017; 1(1):11–21.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2024 มูลนิธิสถาบันมะเร็งแห่งชาติ

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความทีตีพิมพ์ในวารสารโรคมะเร็งนี้ถือว่าเป็นลิขสิทธิ์ของมูลนิธิสถาบันมะเร็งแห่งชาติ และผลงานวิชาการหรือวิจัยของคณะผู้เขียน ไม่ใช่ความคิดเห็นของบรรณาธิการหรือผู้จัดทํา
