ปัจจัยการเกิดโรคเนื้อเยื่อแกรนูเลชันที่มากเกินไปของผิวหนังบริเวณตำแหน่งเจาะคอ
คำสำคัญ:
เนื้อเยื่อแกรนูเลชันที่มากเกินไป, ปัจจัย, แบคทีเรีย, ท่อหลอดคอบทคัดย่อ
ผู้ป่วยจำนวนมากมีความจำเป็นต้องใช้ท่อหลอดคอ (tracheostomy tube) เมื่อทำนัดติดตาม ผู้ป่วยกลับพบว่าผู้ป่วยจำนวนหนึ่งมีเนื้อเยื่อแกรนูเลชันที่มากเกินไป (hypergranulation) ในบริเวณผิวหนังส่วนที่ได้รับการเจาะคอ (tracheostoma) การเกิดเนื้อเยื่อแกรนูเลชันที่มากเกินไปบริเวณผิวหนังบริเวณที่เจาะคอทำให้เกิดปัญหาเลือดออกง่าย ระคายเคือง เปลี่ยนหลอดคอเจาะลำบากขึ้น มีการกล่าวถึงปัจจัยที่อาจทำให้เกิดภาวะเนื้อเยื่อแกรนูเลชันที่มากเกินไปบริเวณผิวหนังบริเวณหลอดคอแต่ยังไม่มีงานวิจัยหรือการเก็บข้อมูลอย่างละเอียดถึงปัจจัยกลุ่มนี้ รวมถึงยังไม่มีการวิจัยที่ศึกษาถึงแบคทีเรียที่พบในเนื้อเยื่อแกรนูเลชัน ซึ่งอาจเป็นส่วนหนึ่งของกลไกการเกิดภาวะดังกล่าว การวิจัยนี้ทำขึ้น เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดเนื้อเยื่อแกรนูเลชันที่มากเกินไปของผิวหนังบริเวณหลอดคอที่เจาะรวมถึงอุบัติการณ์ของเนื้อเยื่อแกรนูเลชันที่มากเกินไปที่พบเชื้อแบคทีเรีย ชนิด และความไวต่อยาฆ่าเชื้อของแบคทีเรียที่พบ วิธีการศึกษางานวิจัยนี้เป็นเชิงพรรณนา (descriptive study) โดยการซักประวัติและตรวจร่างกายผู้ป่วยที่เข้ารับการตรวจรักษาที่แผนกโสต ศอ นาสิก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย จำนวน 100 คน โดยเก็บรวบรวมข้อมูลตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2562-พฤษภาคม 2563 มาศึกษาปัจจัยที่สัมพันธ์กับการเกิดภาวะเนื้อเยื่อแกรนูเลชันที่ มากเกินไปประกอบไปด้วย โรคประจำตัวของผู้ป่วย ระยะเวลาในการใช้ท่อหลอดคอ ประวัติการใช้ยาฆ่าเชื้อในช่วง 1 เดือน ประวัติการติดเชื้อบริเวณผิวหนังส่วนที่ได้รับการทำการเจาะคอ ประวัติปอดติดเชื้อ หรือประวัติติดเชื้อในกระแสเลือด ในช่วง 1 เดือน ชนิดวัสดุของท่อหลอดคอ การมีท่อป่องลม (cuff) บริเวณปลายหลอดคอ ความกว้างของหลอดคอ ความถี่ในการทำความสะอาดท่อภายในและลักษณะของเนื้อเยื่อแกรนูเลชันที่มากเกินไป ณ วันตรวจติดตาม กรณีผู้ป่วยมีภาวะเนื้อเยื่อแกรนูเลชันที่มากเกินไปบริเวณผิวหนังส่วนที่ได้รับการเจาะคอ จะมีการนำชิ้นเนื้อจากเนื้อเยื่อแกรนูเลชันที่มากเกินไปบริเวณผิวหนังส่วนที่ได้รับการเจาะคอมา ศึกษาชนิดและความไวต่อยาของเชื้อแบคทีเรียในบริเวณนั้น จากการศึกษาวิจัย พบว่าปัจจัยที่สัมพันธ์กับการเกิดภาวะเนื้อเยื่อแกรนูเลชันที่มากเกินไป ประกอบด้วย ประวัติการใช้ยาฆ่าเชื้อในช่วง 1 เดือน (OR 4.04 [1.22-13.43], P=0.023) การมีท่อป่องลมบริเวณปลายหลอดคอ (OR 6.25 [2.26-17.29], P<0.001) ความกว้างของ หลอดคอที่มากกว่าค่ามาตรฐาน (OR 4.12 [1.61-10.56], P=0.003) ความถี่ในการทำความสะอาดท่อภายในที่น้อยลง (OR 5.27 [1.08-25.78], P=0.04) พบอุบัติการณ์ของเนื้อเยื่อแกรนูเลชันที่มากเกินไปที่พบเชื้อแบคทีเรีย 14 ราย จาก 36 ราย ร้อยละ 38.89 โดยพบเชื้อแบคทีเรียหลากหลายชนิดภายใน ดังนั้นจึงไม่ได้แสดงผลความไวต่อยาฆ่าเชื้อของแบคทีเรียที่พบบริเวณเนื้อเยื่อแกรนูเลชันที่มากเกินไป สรุปได้ว่า การเกิดภาวะเนื้อเยื่อแกรนูเลชันที่มากเกินไปของผิวหนังบริเวณหลอดคอสัมพันธ์กับประวัติ การใช้ยาฆ่าเชื้อในช่วง 1 เดือน การมีท่อป่องลมบริเวณ ปลายหลอดคอ ความกว้างของหลอดคอที่มากกว่าค่ามาตรฐาน และความถี่ในการทำความสะอาดท่อภายในที๋น้อยลง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ นอกจากนั้น ร้อยละ 38.89 ของเนื้อเยื่อแกรนูเลชันที่มากเกินไปตรวจพบเชื้อแบคทีเรียหลายชนิดภายใน
เอกสารอ้างอิง
Kessides MC, Khachemoune A. A review of epidermal maturation arrest: a unique entity or another description of persistent granulation tissue? J Clin Aesthet Dermatol. Dec 2014; 7(12):46-50.
Vuolo J. Hypergranulation: exploring possible management options. Br J Nurs. Mar 25-Apr 7 2010;19(6):S4, S6-8. doi:10.12968/bjon.2010.19.Sup2.47244
MarianneCullen LR. Management of Hypergranulationtissue.https://www.grha.org.au/images/documentlibrary/doc_download/management_of_hypergranulation.v2.pdf
Post JC, Stoodley P, Hall-Stoodley L, Ehrlich GD. The role of biofilms in otolaryngologic infections. Curr Opin Otolaryngol Head Neck Surg. Jun 2004;12(3):185-90. doi:10.1097/01. moo.0000124936.46948.6a
SPECIMEN COLLECTION GUIDELINES. https://www.cdc.gov/urdo/downloads/specCollectionguidelines.pdf
Ledl C, Mertl-Roetzer M. Tracheal and tracheostomal hypergranulation and related stenosis in long-term cannulated patients: does the tracheostomy procedure make a difference? Ann Otol Rhinol Laryngol. Dec 2009;118(12):876-80. doi:10.1177/0003489409
Ae R, Kosami K, Yahata S. Topical Corticosteroid for the Treatment of Hypergranulation Tissue at the Gastrostomy Tube Insertion Site: A Case Study. Ostomy Wound Manage. Sep 2016;62(9):52-5.
McShane DB, Bellet JS. Treatment of hypergranulation tissue with high potency topical corticosteroids in children. Pediatr Dermatol. Sep-Oct 2012;29(5):675-8. doi:10.1111/j.1525-1470.2012.01724.x
Yaremchuk K. Regular tracheostomy tube changes to prevent formation of granulation tissue. Laryngoscope. Jan 2003;113(1):1-10. doi:10.1097/00005537-200301000-00001
Bodenham A, Bell D, Bonner S, et al. Standards for the care of adult patients with a temporaryTracheostomy; STANDARDS AND GUIDELINES. https://www.wyccn.org/uploads/6/5/1/9/65199375/ics_tracheostomy_standards__2014_.pdf
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2022 มูลนิธิสถาบันมะเร็งแห่งชาติ

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความทีตีพิมพ์ในวารสารโรคมะเร็งนี้ถือว่าเป็นลิขสิทธิ์ของมูลนิธิสถาบันมะเร็งแห่งชาติ และผลงานวิชาการหรือวิจัยของคณะผู้เขียน ไม่ใช่ความคิดเห็นของบรรณาธิการหรือผู้จัดทํา
