ภาวะช่องคลอดตีบและผลของการขยายช่องคลอด 3 วิธี ในผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกระยะลุกลามเฉพาะที่ที่ได้รับรังสีรักษา

สุวรรณี  วรรณศิโรรัตน์; สุจิรา  ฟุ้งเฟื่อง; อัจจิมา  ชลไพศาล; ปานวาด  รัตนศรีทอง; รังษีนพดล โถทอง; โสภิตตรา    สมหารวงค์

ผู้แต่ง

สุวรรณี วรรณศิโรรัตน์
สุจิรา ฟุ้งเฟื่อง
อัจจิมา ชลไพศาล
ปานวาด รัตนศรีทอง
รังษีนพดล โถทอง
โสภิตตรา สมหารวงค์

คำสำคัญ:

ช่องคลอดตีบ, การขยายช่องคลอด, อุปกรณ์ขยายช่องคลอด, มะเร็งปากมดลูกระยะลุกลาม, รังสีรักษา

บทคัดย่อ

การวิจัยภาวะช่องคลอดตีบและผลของการขยายช่องคลอด 3 วิธี ในผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกระยะ ลุกลามเฉพาะที่ที่ได้รับรังสีรักษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างของความยาวช่อง คลอดและภาวะช่องคลอดตีบ ระหว่างกลุ่มที่ขยายช่องคลอดด้วยนิ้วมือ กลุ่มที่ใช้อุปกรณ์ขยายช่องคลอด แบบ โค้งและแบบตรงและเปรียบเทียบความแตกต่างของความพึงพอใจต่อการใช้อุปกรณ์ขยายช่องคลอดทั้งสอง ชนิดกลุ่มที่ใช้อุปกรณ์ขยายช่องคลอดแบบโค้งและแบบตรง เป็นการวิจัยเชิงวิเคราะห์ชนิดไปข้างหน้า กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกที่ได้รับการรักษาด้วยรังสีรักษาร่วมกับเคมีบำบัดแบบการรักษาหลักใน สถาบันมะเร็งแห่งชาติ จำนวน 97 ราย จำแนกเป็น 3 กลุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ประกอบด้วย แบบบันทึกข้อมูลทั่วไป แบบบันทึกภาวะช่องคลอดตีบและแบบสอบถามประเมินความพึง พอใจต่อการใช้อุปกรณ์ขยายช่องคลอด วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา สถิติทดสอบทีการวิเคราะห์ความ แปรปรวนแบบทางเดียวและสถิติการวิเคราะห์ความแปรปรวนร่วม ผลการวิจัย พบว่า ค่าเฉลี่ยความยาวของ ช่องคลอดของการใช้อุปกรณ์ขยายช่องคลอดแบบตรงให้ประสิทธิภาพดีกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับการใช้อุปกรณ์ขยายช่องคลอดแบบโค้ง และกลุ่มที่ใช้อุปกรณ์ขยายช่องคลอดแบบโค้งและแบบตรงค่าเฉลี่ยความยาวช่องคลอดลดลงน้อยกว่าการใช้นิ้วมือในการขยายช่องคลอด (F=42.35; P<.001) และเมื่อเปรียบเทียบความพึงพอใจ ของตัวอย่างที่ใช้อุปกรณ์ขยายช่องคลอดแบบโค้งและแบบตรง พบว่า ตัวอย่างมีความพึงพอใจอุปกรณ์ขยายช่องคลอดแบบโค้งมากกว่าอุปกรณ์ขยายช่องคลอดแบบตรง

เอกสารอ้างอิง

Law E, Kelvin JF, Thom B, Riedel E, Tom A, Carter J, et al. Prospective study of vaginal dilator use adherence and efficacy following radiotherapy. Radiother Oncol. 2015; 116(1):149-55.

Varytė G, Bartkevičienė D. Pelvic radiation therapy-induced vaginal stenosis: A review of current modalities and recent treatment advances. Medicina (Kaunas). 2012;57(4):336.

International Clinical Guideline Group. International guidelines on vaginal dilation after pelvic radiotherapy. Owen Mumford; Oxon, UK: National Forum of Gynecological Oncology Nurses; 2012.

Matos SRL, Lucas Rocha Cunha M, Podgaec S, Weltman E, Yamazaki Centrone AF, Cintra Nunes Mafra AC. Consensus for vaginal stenosis prevention in patients submitted to pelvic radiotherapy. PLoS One. 2019;14(8):e0221054.

Morris L, Do V, Chard J, Brand AH. Radiation-induced vaginal stenosis: current perspectives. International Journal of Women's Health. 2017;9:273-79.

Williamson CW, Kotha NV, Morris K, Simoes-Torigoe R, Kohanfars M, Chen J, et al. Radiation-induced vaginal stenosis in patients with locally advanced cervical cancer. Int J Radiat Oncol Biol Phys. 2021;111(3):e624-25.

Yoshida K, Yamazaki H, Nakamura S, Masui K, Kotsuma T, Akiyama H, et al. Longitudinal analysis of

late vaginal mucosal reactions after high-dose-rate brachytherapy in patients with gynecological cancer.Anticancer Research. 2014;34(8):4433-38.

Kirchheiner K, Nout RA, Lindegaard JC, Haie-Meder C, Mahantshetty U, Segedin B, et al. Dose-effect relationship and risk factors for vaginal stenosis after definitive radio(chemo)therapy with image-guided brachytherapy for locally advanced cervical cancer in the EMBRACE study. Radiother Oncol. 2016;118(1):160-6.

Yoshida K, Yamazaki H, Nakamura S, Masui K, Kotsuma T, Akiyama H, et al. Role of vaginal pallor reaction in predicting late vaginal stenosis after high-dose-rate brachytherapy in treatment-naive patients with cervical cancer. Journal of Gynecologic Oncology. 2015; 26(3):179-84.

Kachnic LA, Bruner DW, Qureshi MM, Russo GA. Perceptions and practices regarding women’s

vaginal health following radiation therapy: a survey of radiation oncologists practicing in the United States. Pract Radiat Oncol. 2017;7(5):356-63.

Vagal M, Shrivastava S, Mahantshetty U, Gupta S, Chopra S, Engineer R, et al. A retrospective study of vaginal stenosis following treatment of cervical Cancers and the effectiveness of rehabilitation interventions. Int J Med Health Sci. 2017;11(3):94-9.

ธวัชชัย วรพงศธ และสุรีย์พันธุ์ วรพงศธร. การคํานวณขนาดตัวอย่างสําหรับงานวิจัยโดยใช้โปรแกรมสําเร็จรูป G*Power. วารสารการส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม. 2561;41(1):11-21.

Cohen J. Quantitative methods in psychology: A power primer. Psychological Bulletin. 1992;112(1):155-9.

ประคอง กรรณสูต. สถิติเพื่อการวิจัยทางพฤติกรรมศาสตร์. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรมหาวิทยาลัย.มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช; 2542.

Bhatla N, Berek JS, Cuello Fredes M, Denny LA, Grenman S, Karunaratne K, et al. Revised FIGO.staging for carcinoma of the cervix uteri. Int J Gynaecol Obstet. 2019;145(1):129-35.

Charatsi D, Vanakara P, Evaggelopoulou E, Simopoulou F, Korfias D, Daponte A, et al. Vaginal dilator use to promote sexual wellbeing after radiotherapy in gynecological cancer survivors. Medicine (Baltimore). 2022;101(4):e28705.