การเปรียบเทียบระยะความคลาดเคลื่อนของภาพจากการเคลื่อนไหวของผู้ป่วยขณะได้รับการฉายรังสีเทคนิค IMRT ด้วยการถ่ายภาพรังสีเอกซ์ซ้ำกับภาพรังสีอ้างอิง ในผู้ป่วยโรคมะเร็งศีรษะและลำคอที่มีการเจาะคอเพื่อใส่ท่อช่วยหายใจ
คำสำคัญ:
การรักษาด้วยรังสีโดยเทคนิคแบบปรับความเข้ม, การฉายรังสีเทคนิค IMRT, ภาพรังสีเอกซ์, มะเร็งศีรษะและลำคอ, การเจาะคอเพื่อใส่ท่อช่วยหายใจบทคัดย่อ
มะเร็งศีรษะและลำคอ เป็นตำแหน่งที่มีความซับซ้อนและมีระบบประสาทรวมถึงอวัยวะสำคัญอยู่มาก ยากต่อการรักษาด้วยรังสีแบบปรับความเข้ม ผู้วิจัยจึงเล็งเห็นความสำคัญของความถูกต้องและ แม่นยำต่อตำแหน่งที่ทำการรักษาในผู้ป่วยมะเร็งศีรษะและลำคอที่มีการเจาะคอเพื่อใส่ท่อช่วยหายใจ ที่อาจมีการขยับตัวภายใต้การรักษาด้วยเทคนิคแบบปรับความเข้ม (Intensity Modulated Radiation Therapy : IMRT) ซึ่งเป็นเทคนิคที่ค่อนข้างยากและใช้เวลานาน การวิจัยจึงเกิดขึ้นเพื่อนำไปสู่การ พัฒนาคุณภาพการดูแลผู้ป่วยกลุ่มมะเร็งศีรษะและลำคอรวมทั้งลดความคลาดเคลื่อนในการรักษาให้ น้อยลงโดยมีกลุ่มตัวอย่างคือ ผู้ป่วยมะเร็งศีรษะและลำคอที่มีการเจาะคอเพื่อใส่ท่อช่วยหายใจ จำนวน 95 ราย ที่เข้ารับการรักษาด้วยรังสีในงานรังสีรักษา โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรีโดยทำการเปรียบเทียบระยะความคลาดเคลื่อนของภาพจากการเคลื่อนไหวของผู้ป่วยขณะได้รับการฉายรังสีเทคนิค IMRT ด้วยการถ่ายภาพรังสีเอ็กซ์ซ้ำกับภาพรังสีอ้างอิง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ อุปกรณ์ถ่ายภาพเอกซ์เรย์ (on-board imaging radiograph: OBI) แบบติดตั้งในตัว เครื่องฉายรังสีแบบเร่งอนุภาคพลังงานสูงรุ่น Clinac ix และแบบบันทึกข้อมูลวิจัยซึ่งประกอบด้วยข้อมูล 2 ส่วน คือ ข้อมูลทั่วไปและระยะความ คลาดเคลื่อนของภาพถ่ายรังสีเอกซ์ เก็บรวบรวมข้อมูลโดยการจดบันทึกค่าระยะความคลาดเคลื่อนที่วิเคราะห์ได้จากโปรแกรมการถ่ายภาพเอกซ์เรย์ที่ระยะเวลาก่อนและหลังของกระบวนการฉายรังสีด้วย เทคนิค IMRT แต่ละครั้งในผู้ป่วยแต่ละราย ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม -31 ตุลาคม 2563 วิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้สถิติ Wilcoxon sign rank test ผลการวิจัยพบว่ากลุ่มตัวอย่างเป็นเพศชาย ร้อยละ 69.5 และมี อายุระหว่าง 40-60ปี ร้อยละ 81 และ 87 มักมีอาการไอ ซึ่งทำให้เกิดการเคลื่อนไหวขณะฉายรังสี จึงทำให้ค่าระยะความคลาดเคลื่อนจากภาพถ่ายเอกซ์เรย์นั้นแตกต่างกันในทุกแกน เมื่อเปรียบเทียบก่อนและหลังการฉายรังสีแต่ละครั้ง โดยวิเคราะห์ได้ค่า P คือ 0.444, 0.705 และ 0.423 ตามแนวแกน x, y และ z ตามลำดับ จึงสรุปได้ว่าค่าระยะความคลาดเคลื่อนภาพถ่ายเอกซ์เรย์ที่ระยะเวลาก่อนและหลังการฉายรังสีแต่ละครั้งเทียบกับภาพถ่ายรังสีอ้างอิงนั้นไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ดังนั้นสามารถใช้เทคนิคการฉายรังสีแบบ IMRT ในผู้ป่วยโรคมะเร็งศีรษะและลำคอที่มีการเจาะคอเพื่อใส่ท่อช่วยหายใจได้
เอกสารอ้างอิง
Rattanawichitrasin A. Siriraj Cancer Registry 2008. Bangkok, Thailand: Siriraj Cancer Center 2008.
Lopburi Cancer Registry.(2018). Patient registry information in 2020.[cited 2020 July 8] Available from: https://www.lopburicancenter.n.th/index.php/sick1-2/hos8/2561
Kam MK, Leung SF, Zee B, et al. Prospective Randomized study of intensity-modulated radiotherapy on salivary gland function in early stage nasopharyngeal carcinoma patients. J Clin Oncol. 2007;25:4873-9.
Peters LJ, Goepfert H, Ang KK, Byers RM, Maor MH, Guillamondegui O, et al. Evaluation of the dose for postoperative radiation therapy of head and neck cancer: first report of a prospective randomized trial. Int J Radiat Oncol Biol Phys. 1993;26:3-11.
Nutting C.M, Morden J.P, Harrington KJ,Urbano G. T, Bhide A.S, Clark C, et al. Parotid-sparing intensity modulated versus conventional radio therapy in head and neck cancer (PARSPORT): a phase 3 multicentre randomised controlled trial. Lancet Oncol 2011;12:127-36.
Taweeboon N, Natukanon K, Techawongsuwan S. Comparison of setup error of isocenter between above and below nipple levels in thoracic and upper abdominal malignancies using KV orthogonal or Cone-beam computed tomography (CBCT) images at Siriraj Hospital. J Thai Assn of Radiat Oncol. 2018 Jun 28;24:25-34.
ลัดดา เย็นศรี. การศึกษาเปรียบเทียบปริมาณรังสีที่ผู้ป่วยได้รับจากการถ่ายภาพรังสีทรวงอกด้วยระบบ CR และ DR. วารสารเครือข่ายวิทยาลัยพยาบาลและการสาธารณสุขภาคใต้. 2559; 3: 129-39.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความทีตีพิมพ์ในวารสารโรคมะเร็งนี้ถือว่าเป็นลิขสิทธิ์ของมูลนิธิสถาบันมะเร็งแห่งชาติ และผลงานวิชาการหรือวิจัยของคณะผู้เขียน ไม่ใช่ความคิดเห็นของบรรณาธิการหรือผู้จัดทํา
