การประเมินความเสี่ยงทางการยศาสตร์ต่อความผิดปกติของระบบโครงร่างและกล้ามเนื้อ จากท่าการทำงาน ในงานยกเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ของบุคลากรทางการแพทย์ที่ไม่ใช่วิชาชีพ

ผู้แต่ง

  • รัตโนบล นีระมนต์ หลักสูตรสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสกลนคร
  • กุลธิดา ยะสะกะ คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสกลนคร
  • รัตนี คำมูลคร คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสกลนคร
  • พุทธิพงษ์ พลคำฮัก คณะสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา
  • สุวลี นามวงษา ภาควิชากายภาพบำบัด คณะสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร
  • พีรพงษ์ ฮาดทักษ์วงค์ คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสกลนคร
  • พีรพงษ์ ฮาดทักษ์วงค์ คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสกลนคร
  • พัทธนันท์ สุวรรณบูลย์ คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสกลนคร

คำสำคัญ:

การยศาสตร์การทำงาน, เมตริกความเสี่ยง, การประเมินความเสี่ยงทางการยศาสตร์, ความผิดปกติทางระบบโครงร่างและกล้ามเนื้อจากการทำงาน

บทคัดย่อ

วัตถุประสงค์: เพื่อประเมินความเสี่ยงทางการยศาสตร์ และปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับระดับเสี่ยงทางการยศาสตร์สูงจากท่าทางการทำงานที่ส่งผลต่อความผิดปกติทางระบบโครงร่างและกล้ามเนื้อ(Musculoskeletal disorders, MSDs ในงานยกเคลื่อนย้ายผู้ป่วยของบุคลากรทางการแพทย์ที่ไม่ใช่วิชาชีพ วิธีการศึกษา: เป็นการศึกษาเชิงพรรณนาแบบภาคตัดขวาง (Cross-sectional descriptive study) ในบุคลากรทางการแพทย์ที่ไม่ใช่วิชาชีพ จำนวน 200 คน เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบประเมินความรุนแรงและความถี่ของความผิดปกติทางระบบโครงร่างและกล้ามเนื้อ (Musculoskeletal disorders severity and frequency questionnaire (MSFQ)) และการประเมินความเสี่ยงทางการยศาสตร์ (Rapid Entire Body Assessment, REBA) และการประเมินความเสี่ยงทางสุขภาพโดยใช้เมตริกความเสี่ยงทางอาชีวอนามัยในการประเมินความเสี่ยงต่อความผิดปกติทางระบบโครงร่างและกล้ามเนื้อ ผลการศึกษา: กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ร้อยละ 66.00 มีอายุระหว่าง 19–29 ปี ร้อยละ 43.50 โดยมีอายุเฉลี่ย 33.73 ปี (SD = 9.16) พบความผิดปกติทางระบบโครงร่างและกล้ามเนื้อ โดยมีอาการสูงสุด 3 ลำดับแรก คือหลังส่วนล่าง และเท้า/ข้อเท้า (ร้อยละ 78.00) รองลงมาคือไหล่ (ร้อยละ 76.50) และคอ (ร้อยละ 75.00) ตามลำดับ การประเมินด้วย REBA พบว่าร้อยละ 60.50 อยู่ในระดับความเสี่ยงมาก (ระดับ 3) ที่ต้องได้รับการแก้ไขโดยเร็ว จากผลการประเมินระดับความเสี่ยงต่อความผิดปกติทางระบบโครงร่างและกล้ามเนื้อจากการทำงาน ในงานยกเคลื่อนย้ายผู้ป่วยของบุคลากรทางการแพทย์ พิจารณาตามตำแหน่งของร่างกายที่มีปัญหารุนแรงมากที่สุด คือหลังส่วนล่าง พบว่าร้อยละ 43.00 อยู่ในระดับความเสี่ยงสูงต้องพิจารณาเพื่อปรับปรุง รองลงมาคือ ร้อยละ 28.23 อยู่ในระดับความเสี่ยงสูงมากต้องมีการปรับปรุง ตามลำดับ สรุป: การศึกษาในครั้งนี้ พบว่าบุคลากรทางการแพทย์ที่ไม่ใช่วิชาชีพมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดความผิดปกติทางระบบโครงร่างและกล้ามเนื้อจากลักษณะงานที่ใช้แรงกายและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย จึงควรมีมาตรการและโปรแกรมการเฝ้าระวังปัญหาสุขภาพเพื่อเป็นการป้องกันผลกระทบที่เกี่ยวข้องกับโรคทางระบบโครงร่างและกล้ามเนื้อที่เกิดจากการทำงานและการฝึกอบรมให้ความรู้ทางการยศาสตร์เพื่อลดความเสี่ยงต่อโรคทางระบบโครงร่างและกล้ามเนื้อในกลุ่มบุคลากรนี้ต่อไป

 

เอกสารอ้างอิง

Cieza A, Causey K, Kamenov K, Hanson SW, Chatterji S, Vos T. Global estimates of the need for rehabilitation based on the Global Burden of Disease study 2019: a systematic analysis for the Global Burden of Disease Study 2019. Lancet 2021;396(10267):2006-17.

Hussein A, Mando M, Radisauskas R. Work-related musculoskeletal disorders among dentists in the United Arab Emirates: a cross-sectional study. Medicina (Kaunas) 2022;58(12):1744.

National Institute for Occupational Safety and Health. Musculoskeletal disorders and workplace factors: a critical review of epidemiologic evidence for work-related musculoskeletal disorders of the neck, upper extremity, and low back [Internet]. 2016 [cited 2025 Jul 3]. Available from: https://shorturl.asia/U4qpt

สำนักงานประกันสังคม. สถานการณ์การประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยเนื่องจากการทำงาน ปี 2561–2565 [อินเทอร์เน็ต]. 2566 [เข้าถึงเมื่อ 3 ก.ค. 2568]. เข้าถึงจาก: https://shorturl.asia/yM6Xo

Heiden B, Weigl M, Angerer P, Müller A. Association of age and physical job demands with musculoskeletal disorders in nurses. Appl Ergon 2013;44(4):652–8.

สุนิสา ชายเกลี้ยง, พรนภา ศุภรเวทย์สิริ, เบญจา มุกตะพันธ์. การประเมินของภาวะเสี่ยงของอาการปวดไหล่จากการทำงานของบุคลากรในสำนักงาน มหาวิทยาลัยขอนแก่น. วารสารวิจัยสาธารณสุข มหาวิทยาลัยขอนแก่น 2553;3:1–10.

Smedley J, Egger P, Cooper C, Coggon D. Manual handling activities and risk of low back pain in nurses. Occup Environ Med 1995;52(3):160–3.

Prasan S. Prevalence and ergonomic factors associated with work-related musculoskeletal disorders among non-medical hospital personnel. Thai J Public Health 2021;51(2):149–58.

เกรียงไกร บุญญประภา, จุฑารัตน์ จิโน. ท่าทางการทำงานที่เป็นอันตรายและอาการผิดปกติทางระบบกล้ามเนื้อและโครงร่างอันเกี่ยวเนื่องจากการทำงานของพนักงานเปลโรงพยาบาลนครพิงค์ จังหวัดเชียงใหม่. วารสารสาธารณสุขล้านนา 2019;15:35–46.

Poochada W, Chailklieng S. Self-reported musculoskeletal disorders questionnaire for agriculturists: an online self-assessment tool development. PLoS One 2022;17(12):e0277548.

สุนิสา ชายเกลี้ยง, พรนภา ศุกรเวทย์ศิริ, วิภารัตน์ โพธิ์ขี. ปัจจัยเสี่ยง ความเสี่ยงทางการยศาสตร์และความชุกของการปวดหลังของพนักงานในโรงงานอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์. ขอนแก่น: คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น; 2558.

Hignett S, McAtamney L. Rapid entire body assessment (REBA). Appl Ergon 2000;31(2):201–5.

Bongers PM, Hulshof CTJ, Dijkstra L, Boshuizen HC. The role of physical load in musculoskeletal disorders. Appl Ergon 2020;72:105–13.

Louw QA, Crous L, Grimmer-Somers K. Prevalence and risk factors for musculoskeletal disorders in South African health workers. Int J Occup Saf Ergon 2016;22(2):245–51.

Choobineh A, Tabatabaee SH, Behzadi M. Work-related musculoskeletal problems among nursing personnel in hospitals in Shiraz, Iran. Ind Health 2016;44(4):412–9.

World Health Organization. Preventing musculoskeletal disorders in the workplace. Geneva: WHO Press; 2021.

Occupational Safety and Health Administration. Guidelines for nursing homes: ergonomics for the prevention of musculoskeletal disorders. Washington (DC): U.S. Department of Labor; 2022.

Szeto GPY, Straker LM, O’Sullivan PB. A comparison of symptomatic and asymptomatic office workers performing monotonous keyboard work—2: neck and shoulder kinematics. Manual Therapy 2005;10(4):281-91.

Takala EP, Viikari-Juntura E, Moneta GB, Hamalainen P, Saarela KL. The effectiveness of ergonomic interventions on musculoskeletal disorders and injuries: a systematic review. Scand J Work Environ Health 2010;36(4):288–300.

Parker H, Hoelscher A, Trujillo M. Musculoskeletal injury prevention: a comparison of ergonomic interventions. Int J Ind Ergon 2019;71(9–10).

Häkkinen K, Kallinen M, Izquierdo M. Effects of resistance training on strength and muscle hypertrophy in older men and women. J Aging Phys Act 2003;11(1):45–55.

Oakman J, Kinsman N, Stuckey R, Graham M, O’Neil A. Occupational health interventions for reducing the risk of musculoskeletal disorders in healthcare workers: a systematic review. Occup Med 2014;64(5):406–13.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-08-30

รูปแบบการอ้างอิง

1.
นีระมนต์ ร, ยะสะกะ ก, คำมูลคร ร, พลคำฮัก พ, นามวงษา ส, ฮาดทักษ์วงค์ พ, ฮาดทักษ์วงค์ พ, สุวรรณบูลย์ พ. การประเมินความเสี่ยงทางการยศาสตร์ต่อความผิดปกติของระบบโครงร่างและกล้ามเนื้อ จากท่าการทำงาน ในงานยกเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ของบุคลากรทางการแพทย์ที่ไม่ใช่วิชาชีพ. JPMAT [อินเทอร์เน็ต]. 30 สิงหาคม 2025 [อ้างถึง 29 ธันวาคม 2025];15(2):185-201. available at: https://he01.tci-thaijo.org/index.php/JPMAT/article/view/278000

ฉบับ

ประเภทบทความ

นิพนธ์ต้นฉบับ