ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อความล้าทางสายตาของพนักงานที่ทำงานเป็นกะ ในโรงงานผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ในจังหวัดปทุมธานี

ผู้แต่ง

  • อมตา อุตมะ หลักสูตรอาชีวอนามัยและความปลอดภัย คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์
  • วัชราภรณ์ วงศ์สกุลกาญจน์ หลักสูตรอาชีวอนามัยและความปลอดภัย คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์
  • สกุลกาญจน์ พรมสคุ หลักสูตรอาชีวอนามัยและความปลอดภัย คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์

คำสำคัญ:

ความล้า, การทำงานเป็นกะ, อุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์, อิเล็กทรอนิกส์

บทคัดย่อ

วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาการเกิดความความล้าทางสายตาและปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อความล้าของพนักงานที่ทำงานเป็นกะในโรงงานอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ในจังหวัดปทุมธานี วิธีการศึกษา: การศึกษานี้เป็นการศึกษาแบบเชิงพรรณนา ณ จุดเวลาใดเวลาหนึ่ง กลุ่มตัวอย่างคือ พนักงานที่ทำงานเป็นกะ จำนวน 119 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถาม และเครื่องวัดความสามารถของตาในการจับความถี่ของการกะพริบของดวงไฟ (Critical Flicker Frequency: CFF) สถิติที่ใช้ ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ไคสแควร์ และการทดสอบของฟิชเชอร์ ผลการศึกษา: ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศชายอายุเฉลี่ย 32.3 ปี ดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน นอนหลับน้อยกว่าหรือเท่ากับ 7 ชั่วโมง/วัน ประสบการณ์ในการทำงานเฉลี่ย 6 ปี ทำงานในช่วงกะเช้าเวลา 07.20-16.20 น. หยุดพักระหว่างทำงาน เฉลี่ย 4 ครั้ง  และกลุ่มตัวอย่างมีความล้าทางสายตาหลังจากการทำงาน 45 คน (ร้อยละ 37.8) ผลการศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความล้าทางสายตาของพนักงานที่ทำงานเป็นกะพบว่า อายุ (p-value < 0.001),  การดื่มคาเฟอีน (p-value = 0.047) ชั่วโมงการนอนหลับพักผ่อน (p-value = 0.030)  ประสบการณ์ในการทำงาน (p-value = 0.021) การเข้ากะทำงาน (p-value < 0.001), และจำนวนครั้งในการหยุดพักระหว่างทำงาน (p-value < 0.001), มีความสัมพันธ์กับความล้าทางสายตาของพนักงานที่ทำงานเป็นกะ อย่างมีนัยสำคัญ (p-value < 0.05) สรุป: หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรหาแนวทางป้องกันการเกิดความล้าทางสายตาของพนักงานที่ทำงานเป็นกะ โดยจัดให้มีระยะเวลาการพักที่เพียงพอขณะทำงาน อบรมให้ความรู้ในการดูแลสุขภาพและส่งเสริมให้พนักงานมีการพักผ่อนหลังเลิกงานที่เพียงพอ

เอกสารอ้างอิง

กริยา กุลกลการ. แรงงานยานยนต์ เตรียมพร้อมรับมือภาวะเศรษฐกิจโลก [อินเทอร์เน็ต]. 2563 [เข้าถึงเมื่อ 30 ธ.ค. 67]. เข้าถึงได้จาก: https://voicelabour.org/?p=29306

วรรณภา ลือกิตินันท์. การทำงานเป็นกะของพนักงานในโรงงานอุตสาหกรรม จังหวัดชลบุรี. วารสารการศึกษาและวิจัย 2562;29(2):191-2.

นริศ เจริญพร. การยศาสตร์. กรุงเทพฯ: ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์; 2543.

สำนักงานสถิติแห่งชาติ. สำมะโนธุรกิจและอุตสาหกรรม พ.ศ. 2565 : อุตสาหกรรมการผลิต จังหวัดปทุมธานี [อินเทอร์เน็ต]. 2565 [เข้าถึงเมื่อ 30 ธ.ค. 67]. เข้าถึงได้จาก: https://shorturl.asia/Lfod1

สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดปทุมธานี. รายงานสถานการณ์ทางสังคมจังหวัดปทุมธานี ประจำปี 2568. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์[อินเทอร์เน็ต]. 2568 [เข้าถึงเมื่อ 18 ส.ค. 68]. เข้าถึงได้จาก: https://www.m-society.go.th

Costa BR da, Vieira ER. Risk factors for work-related musculoskeletal disorders: A systematic review of recent longitudinal studies. Am J Ind Med 2010;53(3):285-323.

Akerstedt T, Wright KP Jr. Sleep Loss and Fatigue in Shift Work and Shift Work Disorder. Sleep Med Clin 2009;4(2):257-71.

ชมพูศักดิ์ พูลเกษ. การปฏิบัติงานเกี่ยวกับการวัดเมื่อยล้าในการทำงานซ้ำซาก. ใน: การฝึกปฏิบัติงานอาชีวอนามัย ความปลอดภัย และเออร์กอนอมิคส์. นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช; 2534;2:828-831.

Shieh KK, Lin CC. Effects of screen type, ambient illumination, and color combination on VDT visual performance and subjective preference. Int J Ind Ergon. 2000;26(5):527-536.

Ker K, Roberts I, Grieve R, Blackhall K, Edwards PH. Caffeine for the prevention of injuries and errors in shift workers. Cochrane Database Syst Rev 2010;(5).

Drake C, Roehrs T, Shambroom J, Roth T. Caffeine effects on sleep taken 0, 3, or 6 hours before going to bed. J Clin Sleep Med 2013;9(11):1195-200.

Wesensten NJ, Belenky G, Kautz MA, Thorne DR, Reichardt RM, Balkin TJ. Maintaining alertness and performance during sleep deprivation: modafinil versus caffeine. Psychopharmacology 2002;159(3):238-47.

กนิษฐา บุญภา, ศรีรัตน์ ล้อมพงศ์, จิตรพรรณ ภูษาภักดีภพ. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความเมื่อยล้าในพนักงานขับรถโดยสารประจำทางขนส่งมวลชนกรุงเทพ เขตการเดินรถแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร. วารสารสาธารณสุขมหาวิทยาลัยบูรพา; 2556;8(2):46-58.

Knutson KL, Spiegel K, Penev P, Van Cauter E. The metabolic consequences of sleep deprivation. Sleep Med Rev 2007;11(3):163-78.

ธีรพล ชินโน. ปัญหาและแนวทางการพัฒนาบุคลากรด้านการขนส่งทางถนนให้มีประสิทธิภาพ กรณีศึกษาพนักงานขับรถพ่วง 18 ล้อบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์. [วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต]. ชลบุรี: มหาวิทยาลัยบูรพา; 2550.

Costa G. Factors influencing health of workers and tolerance to shift work. Theor Issues Ergon Sci 2003;4(3-4):263-88.

Tucker P, Folkard S. Working time, health and safety: A research synthesis paper. International Labour Organization; 2012.

ศิริภาพร พันหา, ศรีรัตน์ ล้อมพงศ์. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความเมื่อล้าในพนักงานโรงงานผลิตอุปกรณ์ช่วยชีวิตทางทะเล ในเขตนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี. วารสารควบคุมโรค 2557;40(1):72-9.

Dababneh AJ, Swanson N, Shell RL. Impact of added rest breaks on the productivity and well-being of workers. Ergonomics 2001;44(2):164-74.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-08-30

รูปแบบการอ้างอิง

1.
อุตมะ อ, วงศ์สกุลกาญจน์ ว, พรมสคุ ส. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อความล้าทางสายตาของพนักงานที่ทำงานเป็นกะ ในโรงงานผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ในจังหวัดปทุมธานี. JPMAT [อินเทอร์เน็ต]. 30 สิงหาคม 2025 [อ้างถึง 29 ธันวาคม 2025];15(2):202-16. available at: https://he01.tci-thaijo.org/index.php/JPMAT/article/view/277247

ฉบับ

ประเภทบทความ

นิพนธ์ต้นฉบับ