ความเหนื่อยหน่ายในการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ แผนกผู้ป่วยนอกเวชปฏิบัติทั่วไปและเวชศาสตร์ครอบครัว โรงพยาบาลเลิดสิน
คำสำคัญ:
ความเหนื่อยหน่ายในการทำงาน, บุคลากรทางการแพทย์, เวชศาสตร์ครอบครัวบทคัดย่อ
วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาระดับความเหนื่อยหน่ายในการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์และปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความเหนื่อยหน่ายในการทำงาน วิธีการศึกษา: การวิจัยเชิงวิเคราะห์แบบภาคตัดขวาง ณ จุดเวลาใดเวลาหนึ่งในบุคลากรทางการแพทย์แผนกผู้ป่วยนอกเวชปฏิบัติทั่วไปและเวชศาสตร์ครอบครัว โรงพยาบาลเลิดสิน จำนวน 60 คน โดยใช้แบบสอบถาม เก็บข้อมูลตั้งแต่เดือน กุมภาพันธ์ 2567 - เมษายน 2567 วิเคราะห์ผลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา หาความสัมพันธ์โดยสถิติ Independent t-test, One Way ANOVA, Spearman’s order correlation และใช้ Binary Logistic regression เพื่อหาปัจจัยทำนาย ผลการศึกษา: ปัจจัยส่วนบุคคลไม่มีความสัมพันธ์กับความเหนื่อยหน่ายในการทำงาน ปัจจัยสภาพแวดล้อมการทำงานด้านลักษณะงานที่รับผิดชอบมีความสัมพันธ์ทางตรงกับความอ่อนล้าทางอารมณ์อย่างมีนัยสำคัญ (p = 0.017) เมื่อเทียบระดับสูงกับระดับต่ำถึงปานกลางมีโอกาสเกิดความอ่อนล้าทางอารมณ์เพิ่มขึ้น 3.472 เท่า ด้านสัมพันธภาพระหว่างบุคลากรมีความสัมพันธ์แบบผกผันกับความอ่อนล้าทางอารมณ์อย่างมีนัยสำคัญ (p = 0.001) เมื่อเทียบระดับสูงกับระดับปานกลางมีโอกาสเกิดความอ่อนล้าทางอารมณ์ลดลงร้อยละ 80.5 โดยค่าการทำนายเฉลี่ยทั้งสองตัวแปรคือร้อยละ 66.7 และปัจจัยด้านการรับรู้ต่อระบบบริหารมีความสัมพันธ์แบบผกผันกับการลดความเป็นบุคคลในผู้อื่นอย่างมีนัยสำคัญ (p = 0.001) เมื่อเทียบระดับมากกับระดับต่ำมีโอกาสเกิดการลดความเป็นบุคคลในผู้อื่นลดลงร้อยละ 86.0 โดยมีค่าการทำนายได้ถูกต้องในภาพรวมสูงถึงร้อยละ 85.0 สรุป: บุคลากรทางการแพทย์แผนกผู้ป่วยนอกเวชปฏิบัติทั่วไปและเวชศาสตร์ครอบครัว โรงพยาบาลเลิดสินมีค่าเฉลี่ยคะแนนความเหนื่อยหน่ายในการทำงานด้านความอ่อนล้าทางอารมณ์อยู่ในระดับปานกลาง ด้านการลดความเป็นบุคคลในผู้อื่นอยู่ในระดับต่ำและด้านความสำเร็จส่วนบุคคลอยู่ในระดับสูง ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมในการทำงานด้านลักษณะงานที่รับผิดชอบและสัมพันธภาพระหว่างบุคลากรมีสัมพันธ์กับความเหนื่อยหน่ายในการทำงานด้านความอ่อนล้าทางอารมณ์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติสามารถนำมาใช้ทำนายความเหนื่อยหน่ายในการทำงานด้านความอ่อนล้าทางอารมณ์ได้ และปัจจัยด้านการรับรู้ต่อระบบบริหารมีความสัมพันธ์กับความเหนื่อยหน่ายในการทำงานด้านการลดความเป็นบุคคลในผู้อื่น สามารถนำมาใช้ทำนายความเหนื่อยหน่ายในการทำงานด้านการลดความเป็นบุคคลในผู้อื่นได้
เอกสารอ้างอิง
Maslach C, Schaufeli WB, Leiter MP. Job Burnout. Annu Rev Psychol 2001;52:397-422.
Maslach C. Burnout in health professionals. In: Baum A, McManus C, Weinman J, Wallston K, West R, Newman S, editors. Cambridge Handbook of Psychology, Health and Medicine. 2nd ed. Cambridge: Cambridge University Press; 2007. p.427-30.
Schaufeli WB, Leiter MP, Maslach C. Burnout: 35 years of research and practice. Career Dev Int 2009;14(3):204–20.
Schaufeli WB, editor. Professional burnout: recent developments In Theory and Research; 1996.
แบงก์ชาติ จินตรัตน์, พรชัย สิทธิศรัณย์กุล. แรงงานทางอารมณ์กับภาวะหมดไฟในอาชีพพยาบาล. วารสารสมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย 2564;11(2):435-46.
สงวน ลือเกียรติบัณฑิต. อาการเหนื่อยหน่ายในการทำงาน: การวิจัยในประเทศไทย สาเหตุและผลที่ตามมา. วารสารสงขลานครินทร์ ฉบับสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ 2542;5:281-97.
สสิพรรธน์ นิลสงวนเดชะ, ณภัควรรต บัวทอง. ภาวะเหนื่อยหน่ายในการทำงานและกลวิธีในการเผชิญปัญหาของพนักงานองค์การเภสัชกรรม. Chulalongkorn Med J 2016;60:545-60.
นครินทร์ ชุนงาม. สุขภาพจิตและภาวะหมดไฟในการทำงานของแพทย์ในโรงพยาบาลทั่วไปและโรงพยาบาลชุมชนจังหวัดนครราชสีมา. วารสารสุขภาพจิตแห่งประเทศไทย 2563;28(4):348–59.
นฤมล กิจจานนท์, อัจฉรา จงเจริญกำโชค, พรพิมล มาศนรากรณ์. ความเหนื่อยหน่ายของบุคลากรพยาบาลในหอผู้ป่วยวิกฤติ. Rama Nurs J 2009;15:86-97.
กชามาส วิชัยดิษฐ, อารยา ประเสริฐชัย, ปกกมล เหล่ารักษาวงษ์. ภาวะหมดไฟในการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ โรงพยาบาลของรัฐในจังหวัดชุมพร. วารสารสุขภาพจิตแห่งประเทศไทย 2565;30(3):211-21.
จุฑารัตน์ แซ่ล้อ, สมใจ พุทธพิทักษ์ผล. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความเหนื่อยหน่ายในงานของพยาบาลวิชาชีพโรงพยาบาลสุราษฎ์ธานี. วารสารพยาบาลตำรวจ 2560;2:95-103.
ศรัณย์ ศรีคำ, วิโรจน์ เจียมจรัสรังษี, เดชา ลลิตอนันต์พงษ์. ภาวะเหนื่อยล้าในการทำงานและปัจจัยที่เกี่ยวข้องของแพทย์ประจำบ้านโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์. วารสารสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย 2557;59(2):139-50.
Bhagavathula AS, Abegaz TM, Belachew SA, Gebreyohannes EA, Gebresillassie BM, Chattu VK. Prevalence of burnout syndrome among healthcare professionals working at Gondar University Hospital, Ethiopia. J Educ Health Promot 2018;7:145.
Bethea A, Samanta D, Kali M, Lucente FC, Richmond BK. The impact of burnout syndrome on practitioners working within rural healthcare systems. Am J Emerg Med 2020;38(3):582-8.
สิระยา สัมมาวาจ. ความเหนื่อยหน่ายของพยาบาลประจำการในโรงพยาบาลรามาธิบดี [วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต]. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยมหิดล; 2534.
Oprisan A, Baettig-Arriagada E, Baeza-Delgado C, Martí-Bonmatí L. Prevalence of burnout syndrome in Spanish radiologists. Radiologia (Engl Ed) 2023;65(4):307-14.
La Torre G, Sestili C, Imeshtari V, Masciullo C, Rizzo F, Guida G, et al. Association of health status, sociodemographic factors and burnout in healthcare professionals: results from a multicentre observational study in Italy. Public Health 2021;195:15-7.
วิยะดา เหลืองด่านสกุล. ภาวะหมดไฟและข้อเสนอแนะในการป้องกันภาวะหมดไฟในการทำงานของแพทย์ประจำบ้านและแพทย์ประจำบ้านต่อยอด สาขาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช: การศึกษาเชิงผสมผสาน [วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต]. พิษณุโลก: มหาวิทยาลัยนเรศวร; 2565.
Sinsky CA, Shanafelt TD, Dyrbye LN, Sabety AH, Carlasare LE, West CP. Health care expenditures attributable to primary care physician overall and burnout-related turnover: a cross-sectional analysis. Mayo Clin Proc 2022;97(4):693-702.
Argentero P, Dell’Olivo B, Ferretti MS. Staff burnout and patient satisfaction with the quality of dialysis care. Am J Kidney Dis 2008;51(1):80-92.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 สมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ลงพิมพ์ในวารสารเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย ถือเป็นผลงานวิชาการ งานวิจัย วิเคราะห์ วิจารณ์ ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้นิพนธ์ กองบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยเสมอไป และผู้นิพนธ์จะต้องรับผิดชอบต่อบทความของตนเอง