ความสัมพันธ์ของภาวะติดงานกับประสิทธิภาพการทำงานขณะป่วย ของพยาบาลวิชาชีพในโรงพยาบาลเสนา
คำสำคัญ:
ภาวะติดงาน, การทำงานขณะป่วย, พยาบาลวิชาชีพบทคัดย่อ
วัตถุประสงค์: 1. เพื่อศึกษาความชุกของภาวะติดงานในพยาบาลวิชาชีพโรงพยาบาลเสนา 2. เพื่อศึกษาระดับประสิทธิภาพการทำงานขณะป่วยของพยาบาลวิชาชีพโรงพยาบาลเสนา 3. เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ของภาวะติดงานกับประสิทธิภาพการทำงานขณะป่วยของพยาบาลวิชาชีพโรงพยาบาลเสนา 4. เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพการทำงานขณะป่วยระหว่างกลุ่มที่เข้าเกณฑ์มีภาวะติดงานกับกลุ่มที่ไม่มีภาวะติดงาน วิธีการศึกษา: การศึกษาภาคตัดขวางเชิงวิเคราะห์ เก็บข้อมูลในพยาบาลวิชาชีพ 150 คนของโรงพยาบาลเสนาในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยใช้แบบวัดภาวะติดงานและแบบวัดประสิทธิภาพการทำงานขณะป่วย (SPS-6) ใช้สถิติวิเคราะห์สหสัมพันธ์เพียร์สันและสถิติ t-test หาความสัมพันธ์ของภาวะติดงานกับประสิทธิภาพการทำงานขณะป่วย ผลการศึกษา: กลุ่มตัวอย่างมีความชุกของภาวะติดงานร้อยละ 10 กลุ่มตัวอย่างมีระดับประสิทธิภาพในการทำงานขณะป่วยในมิติความสามารถในการทำงานให้สำเร็จลุล่วงเฉลี่ย 9.33 คะแนน (ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 2.16) มิติความสามารถในการหลีกเลี่ยงสิ่งรบกวน 9.37 คะแนน (ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 2.41) และประสิทธิภาพการทำงานขณะป่วยโดยรวม 18.71 คะแนน (ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 3.99) ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มที่มีประสิทธิภาพในการทำงานขณะป่วยระดับดี กลุ่มที่มีภาวะติดงานมีระดับประสิทธิภาพการทำงานขณะป่วยมากกว่ากลุ่มที่ไม่มีภาวะติดงานและยังมีความสัมพันธ์เชิงบวกกับความสามารถในการทำงานให้สำเร็จและความสามารถหลีกเลี่ยงสิ่งรบกวนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ สรุป: แม้ว่าผลการวิจัยจะชี้ให้เห็นว่าผู้ที่มีภาวะติดงานสามารถทำงานได้ดีแม้ขณะป่วย แต่การที่บุคคลเหล่านี้ทำงานอย่างไม่หยุดพักในระยะยาวอาจนำไปสู่ผลกระทบด้านลบต่อสุขภาพทั้งกายและใจ องค์กรจึงควรตระหนักถึงความเสี่ยงนี้ และพัฒนานโยบายที่สนับสนุนให้พนักงานมีความสมดุลระหว่างการทำงานและการพักผ่อน
เอกสารอ้างอิง
Hu L. A review of workaholism and prospects. Open J Soc Sci 2018;6:318-34.
Gillet N, Austin S, Fernet C, Sandrin E, Lorho F, Brault S, et al. Workaholism, presenteeism, work-family conflicts and personal and work outcomes: testing a moderated mediation model. J Clin Nurs 2021;30(19-20):2842-53.
Aziz S, Covington C. Beyond the 9-to-5 grind: workaholism and its potential influence on human health and disease. Front Psychol 2024;15:1345378.
Kinman G. Sickness presenteeism at work: prevalence, costs and management. Br Med Bull 2019;129(1):69-78.
Andreassen CS, Pallesen S, Moen BE, Bjorvatn B, Waage S, Schaufeli WB. Workaholism and negative work-related incidents among nurses. Ind Health 2018;56(5):373-81.
Shan G, Wang S, Wang W, Guo S, Li Y. Presenteeism in nurses: prevalence, consequences, and causes from the perspectives of nurses and chief nurses. Front Psychiatry 2021;11:584040.
Spagnoli P, Haynes NJ, Kovalchuk LS, Clark MA, Buono C, Balducci C. Workload, workaholism, and job performance: uncovering their complex relationship. Int J Environ Res Public Health 2020;17(18):6536.
Kinman G. Sickness presenteeism at work: prevalence, costs and management. Br Med Bull 2019;129(1):69-78.
Cariappa M. Designing clinical research: an epidemiological approach, 2nd ed. Philadelphia (PA): Lippincott Williams & Wilkins; 2006. p. 89.
วิศิษฎ์ เนติโรจนกุล. ความชุกและปัจจัยที่เกี่ยวข้องของภาวะติดงานของพยาบาลในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ [วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต]. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย; 2561.
Koopman C, Pelletier KR, Murray JF, Sharda CE, Berger ML, Turpin RS, et al. Stanford presenteeism scale: health status and employee productivity. J Occup Environ Med 2002;44(1):14-20.
Brborović H, Brborović O, Brumen V, Pavleković G, Mustajbegović J. Are nurse presenteeism and patient safety culture associated: a cross-sectional study. Arh Hig Rada Toksikol 2014;65(2):149-56.
Morkevičiute M, Endriulaitiene A. A systematic review of the factors determining workaholism: the role of an organisation. Organ Vadym Sist Tyr 2021;85(1):33-46.
Malhi LD, Akkadechanunt T, Sirakamon S. Job stress and presenteeism among nurses in tertiary level hospitals, the Islamic Republic of Pakistan. Nurs J CMU 2019;46(supplement December):104-15.
Rosario-Hernández E, Millán L, Rodríguez B, Suarez C, Sánchez F, Arroyo Y, et al. The effects of workaholism on psychological well-being: the mediating role of rumination. Int J Environ Res Public Health2024;21(3).
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 สมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ลงพิมพ์ในวารสารเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย ถือเป็นผลงานวิชาการ งานวิจัย วิเคราะห์ วิจารณ์ ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้นิพนธ์ กองบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยเสมอไป และผู้นิพนธ์จะต้องรับผิดชอบต่อบทความของตนเอง