การศึกษาสถานการณ์การยุติการตั้งครรภ์ภายหลังพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 28) พ.ศ.2564 มีผลบังคับใช้
คำสำคัญ:
การยุติการตั้งครรภ์, ประมวลกฎหมายอาญา, ความรู้, เจตคติ, แนวคิดนิเวศวิทยาบทคัดย่อ
วัตถุประสงค์ : เพื่อศึกษาการรับรู้และเจตคติต่อพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 28) และศึกษาสถานการณ์การขับเคลื่อนนโยบายและการดำเนินงานการยุติการตั้งครรภ์ภายหลัง พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 28) พ.ศ. 2564 มีผลบังคับใช้ วิธีการศึกษา : เป็นการวิจัยเชิงพรรณนา กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วย ผู้ให้ข้อมูลวิจัยเชิงคุณภาพ ได้แก่ ผู้บริหาร/ผู้ปฏิบัติงานระดับนโยบายและระดับพื้นที่ จำนวน 29 คน ข้อมูลเชิงปริมาณ ได้แก่ ผู้รับผิดชอบจัดบริการให้คำปรึกษาและการยุติการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัย จากโรงพยาบาลภาครัฐ จำนวน 521 คน เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูลจากแบบสอบถาม การสัมภาษณ์ และสนทนากลุ่ม วิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพโดยการวิเคราะห์เชิงเนื้อหา เชิงปริมาณใช้สถิติเชิงพรรณนา ผลการศึกษา : พบว่าความรู้และเจตคติต่อ พ.ร.บ. ของผู้ปฏิบัติงานยังขาดความรู้เกี่ยวกับเนื้อหาของ พ.ร.บ. ฉบับแก้ไขที่มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิม สำหรับเจตคติในทางบวกต่อ พ.ร.บ. ฉบับแก้ไขนั้น ช่วยให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานมีความสบายใจเพราะสามารถปฏิบัติงานโดยไม่ผิดกฎหมายและยังส่งผลทางบวกต่อผู้รับบริการ คือช่วยให้หญิงที่ตั้งครรภ์ไม่พร้อมเข้าสู่บริการนิติกรรมที่ถูกกฎหมาย ในทางตรงกันข้ามผู้ปฏิบัติงานก็มีเจตคติทางลบเช่นกันโดยกังวลว่า พ.ร.บ. นี้จะทำให้คนคุมกำเนิดน้อยลง และสนับสนุนการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร ผลการศึกษาเชิงคุณภาพภายใต้กรอบแนวคิดนิเวศวิทยา แสดงให้เห็นว่า ปัญหาการดำเนินงานการยุติการตั้งครรภ์ที่เกิดขึ้นมีดังนี้ 1) ระบบบุคคล (microsystems) ด้านผู้ปฏิบัติงานพบว่าขาดความร่วมมือในการปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ทำให้ขาดแคลนบุคลากรในการทำงาน นอกจากนี้ ผู้รับบริการ เกิดความขัดแย้งในครอบครัวในการตัดสินใจทำแท้ง 2) ระบบกลาง (mesosystems) พบว่าสถานบริการมีขั้นตอนการใช้บริการยุ่งยากและการให้บริการไม่ครอบคลุมทุกแห่งและครบทุกจังหวัดรวมทั้งไม่มีระบบการส่งต่อที่คล่องตัว 3) ระบบภายนอก (exosystems) เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นระดับชุมชนหรือสังคมที่ส่งผลให้คนในสังคม หรือในชุมชน ตีตราคนที่ทำแท้งแท้ง จนทำให้ต้องปกปิด จากปัญหาที่เกิดขั้นทั้ง 3 ระบบ มีสาเหตุมาจากระบบบุคคลที่มีความเชื่อว่าการทำแท้งเป็นบาป 4) สำหรับระบบมหภาค (macrosystems) พบว่าผู้ปฏิบัติงานไม่ทราบแนวทางการดำเนินงานตาม พ.ร.บ. ฉบับแก้ไข สรุป : ควรมีการเพิ่มความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 28) พ.ศ. 2564 ให้กับผู้ปฏิบัติงาน และควรมีการปรับเปลี่ยนมุมมอง (mindset) ของคนในสังคมต่อการทำแท้ง โดยพิจารณาถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมที่เกิดจากการตั้งครรภ์ไม่พร้อม
เอกสารอ้างอิง
จรวยพร เหมรังษี. กฎหมายการทำแท้งกับจริยธรรมในสังคมไทย. วารสารสังคมศาสตร์และมานุษยวิทยาเชิงพุทธ 2564;6(11):483-98.
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 28) พ.ศ. 2564. ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 138, ตอนที่ 10 ก (ลงวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2564).
สำนักอนามัยการเจริญพันธุ์ กรมอนามัย. ที่มาของพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 28) พ.ศ.2564 การประชุมเพื่อผลักดันการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 28) พ.ศ. 2564. นนทบุรี: กรมอนามัย; 2564.
Bronfenbrenner U. The ecology of human development: experiments by nature and design. Cambridge, MA: Harvard University Press; 1979.
สมภาร ศิโล. การนำนโยบายสู่การปฏิบัติ. วารสารวิชาการศิลปะศาสตร์และวิทยาศาสตร์ 2558;2(1):1-9.
กมลทิพย์ แจ่มกระจ่าง. การรับรู้และการขับเคลื่อนพระราชบัญญัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. 2559. วารสารวิชาการสาธารณสุข 2562;28(2):189-201.
สุทธิรักษ์ นภาพันธ์, พูนชัย ปันธิยะ. ทัศนคติของสูติแพทย์ต่อการยุติการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัย. วารสารการพยาบาล การสาธารณสุขและการศึกษา 2562;20(3):3-14.
ศูนย์ข้อมูลและข่าวสืบสวนเพื่อสิทธิพลเมือง. เครือข่ายอาสา RSA แถลงการณ์ข้อเท็จจริงเรื่องการทำแท้งในประเทศไทย [อินเทอร์เน็ต]. 2564 [เข้าถึงเมื่อ 17 เม.ย.2564]. เข้าถึงได้จาก: https://www.tcijthai.com/news/2021/1/current/11301
สำนักอนามัยการเจริญพันธุ์ กรมอนามัย. รายงานเฝ้าระวังการแท้งประเทศไทย พ.ศ. 2563. นนทบุรี : สำนักอนามัยการเจริญพันธุ์ กรมอนามัย; 2563.
เรณู ชูนิล, วรรณภา นาราเวช. โครงการวิจัยรูปแบบการจัดระบบบริการและการยอมรับการยุติการตั้งครรภ์โดยใช้ยาในประเทศไทย. วารสารการส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม 2559;39(1):35-43.
Jensarikorn P, Phlainoi S, Phlainoi N, Saejeng K. Accessibility to reproductive health rights among adolescents in three provinces of Thailand. Journal of Health Research 2019;33(1):35-42.
วรธา มงคลสืบสกุล. การเข้าถึงบริการทางสาธารณสุข: ภาพสะท้อนและความเหลื่อมล้ำของกลุ่มเปราะบางทางสังคม. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ 2565;6(1):55-69.
พิมพ์ณิชณิณ ภิวงศ์กำจร. การพัฒนาแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาตั้งครรภ์ในวัยรุ่นโดยการมีส่วนร่วมของครอบครัวชุมชนและองค์กรในพื้นที่ตำบลกุมภวาปี อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี. วารสารวิชาการสาธารณสุข 2563;29(4):608-17.
Olson RM, Kamurari S. Barriers to safe abortion access: uterine rupture as complication of unsafe abortion in a Ugandan girl. BMJ Case Rep 2017;bcr2017222360.
ปติมา หิริสัจจะ. การพัฒนารูปแบบกลไกดูแลช่วยเหลือวัยรุ่นที่ตั้งครรภ์ให้ได้รับสิทธิตามพระราชบัญญัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. 2559. วารสารการส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม 2566;45(1):27-38.
พระราชบัญญัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. 2559. ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 133, ตอนที่ 30 ก (ลงวันที่ 30 มีนาคม 2559).
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2024 สมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ลงพิมพ์ในวารสารเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย ถือเป็นผลงานวิชาการ งานวิจัย วิเคราะห์ วิจารณ์ ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้นิพนธ์ กองบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยเสมอไป และผู้นิพนธ์จะต้องรับผิดชอบต่อบทความของตนเอง