การพัฒนารูปแบบการดูแลเพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหักจากภาวะกระดูกพรุนในผู้ป่วยสูงอายุที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2

ผู้แต่ง

  • วิทยา วิริยะมนต์ชัย โรงพยาบาลปากเกร็ด นนทบุรี

คำสำคัญ:

การป้องกันความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหัก, ภาวะกระดูกพรุน, ผู้สูงอายุ, โรคเบาหวานชนิดที่ 2

บทคัดย่อ

วัตถุประสงค์: งานวิจัยนี้เป็นการวิจัยและพัฒนา  มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและศึกษาประสิทธิผลรูปแบบการดูแลเพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหักจากภาวะกระดูกพรุน ในผู้ป่วยสูงอายุที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 วัสดุและวิธีการ: กลุ่มเป้าหมายคัดเลือกแบบเจาะจง เป็นผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่มีอายุระหว่าง 60-75 ปี ป่วยเป็นเบาหวานมานานมากกว่า 5 ปีคุมระดับน้ำตาลไม่ได้ HbA1c > 7.5% รับการรักษาในคลินิกเบาหวาน โรงพยาบาลปากเกร็ด  เก็บข้อมูลตั้งแต่ 18 กรกฎาคม ถึง 18 กันยายน 2566 เฉพาะรายที่ผลประเมินความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหักจากภาวะกระดูกพรุน (FRAX score) และผลตรวจวัดความหนาแน่นของมวลกระดูก (DXA scan) ผลเป็นบวก การดำเนินการวิจัยแบ่งเป็น  2 ระยะ ได้แก่ ระยะที่  1  พัฒนารูปแบบ โดยศึกษาสถานการณ์ สังเกตสภาพแวดล้อมในการดูแลผู้ป่วยสูงอายุ ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2  สัมภาษณ์เชิงลึกทีมสหวิชาชีพที่ดูแลผู้ป่วยสูงอายุ ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่มีปัญหากระดูกพรุนและกระดูกหัก แล้วร่างรูปแบบโดยใช้กระบวนการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking) เป็นฐานในการออกแบบ  ระยะที่ 2 ประเมินประสิทธิผลรูปแบบ โดยทดสอบความรู้ผู้ป่วยสูงอายุ ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่เข้าร่วมโครงการในเรื่องการดูแลตนเองเพื่อป้องกันกระดูกหักจากภาวะกระดูกพรุน  เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบทดสอบความรู้เรื่องการปฏิบัติตนเพื่อป้องกันกระดูกหักจากภาวะกระดูกพรุน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนาและสถิติ Paired Samples T-Test ผลการวิจัย: พบว่าหลังใช้รูปแบบการดูแลเพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหักจากภาวะกระดูกพรุน ในผู้ป่วยสูงอายุที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2  ผู้ป่วยและญาติมีคะแนนความรู้เรื่องการป้องกันกระดูกหักจากภาวะกระดูกพรุนสูงกว่าก่อนใช้รูปแบบอย่างมีนัยสำคัญที่ค่าทางสถิติที่ระดับ .05 สรุป: ทุกคนที่เข้าร่วมโครงการ มีความพึงพอใจในระดับดีมาก 

เอกสารอ้างอิง

สุภารัตน์ วัฒนา, จรวด จำปา. ความสัมพันธ์ระหว่างภาวะเบาหวานขึ้นจอประสาทตากับภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อยและความเสี่ยงต่อการหกล้มในผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2. วารสารระบบบริการปฐมภูมิและเวชศาสตร์ครอบครัว 2564;4(2):167-80.

Lin H, Hsu HY, Tsai MC, Hsu LY, Chien KL, Yeh TL. Association between type 2 diabetes and osteoporosis risk: a representative cohort study in Taiwan. PLoS One 2021;16(7):e0254451.

Paschou AS, Dede AD, Anagnostis PG, Vryonidou A, Morganstein D, Goulis DG. Type 2 diabetes and osteoporosis: a guide to optimal management. J Clin Endocrinol Metab 2017;102(10): 3621-34.

Hamel MB, Toth M, Legedza A, Rosen MP. Joint replacement surgery in elderly patients with severe osteoarthritis of the hip or knee: decision making, postoperative recovery, and clinical outcomes. Arch Intern Med 2008;168(13):1430-40.

FRAX WHO fracture risk assessment tool [Internet]. 2023 [cited 2023 Oct 05]. Available from: https://primarycarenotebook.com/simplepage.cfm?ID=x20110815170933307406

ฐิตินันท์ อนุสรณ์วงศ์ชัย. ปัจจัยเสี่ยงของผู้สูงอายุกับกระดูกสะโพกหักในโรงพยาบาลเลิศสิน. วารสารกรมการแพทย์ 2561;43(3):56-9.

ฐิตินันท์ อนุสรณ์วงศ์ชัย. การประเมินผู้ป่วยที่มีปัญหากระดูกหักจากโรคกระดูกพรุน ในโรงพยาบาลเลิศสิน. วารสารกรมการแพทย์ 2562;44(6):13-5.

สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข. กรมควบคุมโรค เผยสถานการณ์โรคเบาหวานทั่วโลก มีผู้ป่วยแล้ว 537 ล้านคน มีส่วนทำให้เสียชีวิตสูงถึง 6.7 ล้านคนหรือเสียชีวิต 1 รายในทุกๆ 5 วินาที [อินเทอร์เน็ต]. 2566 [เข้าถึงเมื่อ 26 มิ.ย.2566]. เข้าถึงได้จาก: https://pr.moph.go.th/?url=pr/detail/2/02/181256/

พรฤทัย รัตนเมธานนท์, ประสิทธิ์ ลีวัฒนภัทร. การเปรียบเทียบ FRAX score เพื่อประเมินโอกาสเกิดกระดูกหักเนื่องจากกระดูกพรุนในผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่สอง เปรียบเทียบกับผู้ป่วยที่ไม่ได้เป็นโรคเบาหวานที่เคยมีกระดูกสะโพกหักจากกระดูกพรุนมาก่อน. วชิรเวชสารและวารสารเวชศาสตร์เขตเมือง 2564;65(3):221-34.

Wongdee K, Krishnamra N, Charoenphandhu N. Derangement of calcium metabolism in diabetes mellitus: negative outcome from the synergy between impaired bone turnover and intestinal calcium absorption. J Physiol Sci 2017;67(1):72-81.

นรัตถพล เจริญพันธุ์. นักวิจัยเตือน "เบาหวาน" ยังทำลายกระดูกด้วย [อินเทอร์เน็ต]. 2558 [เข้าถึงเมื่อ 9 มิ.ย.2566]. เข้าถึงได้จาก: https://mgronline.com/science/detail/9580000071397

Aung M, Amin S, Gulraiz A, Gandhi FR, Pena Escobar JA, Malik BH. The future of metformin in the prevention of diabetes-related osteoporosis. Cureus 2020;12(9):e10412.

วัชรินทร์ วงษาหล้า, มโนไท วงษาหล้า. การเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก : แนวปฏิบัติเพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงการเกิดโรคกระดูกพรุน. วารสารศูนย์อนามัยที่ 9 : วารสารส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม 2563; 14(35):410-24.

ทัศเนตร พุทธรักษา, สุพร ดนัยดุษฎีกุล, อรพรรณ โตสิงห์, อาดิส อุนนะนันทน์. ปัจจัยทำนายความสามารถในการทำหน้าที่ของร่างกายในผู้ป่วยกระดูกหักจากภาวะกระดูกพรุน. วารสารพยาบาลศาสตร์ 2564;39(3):60-73.

Cooper C, Dawson-Hughes B, Gordon CM, Rizzoli R. Healthy nutrition, healthy bones. Nyon, Switzerland: The International Osteoporosis Foundation; 2015.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2023-12-28

รูปแบบการอ้างอิง

1.
วิริยะมนต์ชัย ว. การพัฒนารูปแบบการดูแลเพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหักจากภาวะกระดูกพรุนในผู้ป่วยสูงอายุที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2. JPMAT [อินเทอร์เน็ต]. 28 ธันวาคม 2023 [อ้างถึง 30 ธันวาคม 2025];13(3):84-101. available at: https://he01.tci-thaijo.org/index.php/JPMAT/article/view/266098

ฉบับ

ประเภทบทความ

นิพนธ์ต้นฉบับ