การพัฒนารูปแบบการนิเทศทางคลินิกต่อการเพิ่มประสิทธิภาพการพยาบาลผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสโลหิตชนิดรุนแรง โรงพยาบาลอุทัยธานี
คำสำคัญ:
การนิเทศทางคลินิก, ผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสโลหิตชนิดรุนแรง, ประสิทธิภาพการพยาบาลบทคัดย่อ
วัตถุประสงค์: เพื่อพัฒนารูปแบบการนิเทศทางคลินิกต่อการเพิ่มประสิทธิภาพการพยาบาลผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสโลหิตชนิดรุนแรง และเพื่อเปรียบเทียบผลลัพธ์ของรูปแบบการนิเทศทางการพยาบาลด้านพยาบาลวิชาชีพที่เป็นผู้รับการนิเทศก่อนและหลังการใช้รูปแบบการนิเทศทางคลินิกกับการเพิ่มประสิทธิภาพการพยาบาลผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสโลหิตชนิดรุนแรง
วิธีการศึกษา: เป็นการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) ประกอบด้วย 4 ขั้นตอน ดังนี้ 1) ศึกษาสภาพการณ์และสภาพปัญหาร่วมกับการศึกษาเอกสารและวรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง เครื่องมือวิจัยประกอบด้วย (1) เครื่องบันทึกเสียงและสมุดจดบันทึก (2) เอกสารและรายงานผลการพยาบาลผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสโลหิตชนิดรุนแรง 2) พัฒนารูปแบบการนิเทศทางคลินิกต่อการเพิ่มประสิทธิภาพการพยาบาลผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสโลหิตชนิดรุนแรงและทดลองใช้รูปแบบฯ เครื่องมือวิจัยประกอบด้วย (1) เครื่องบันทึกเสียงและสมุดจดบันทึก (2) เอกสารที่เกี่ยวข้อง สังเคราะห์ได้เป็นรูปแบบการนิเทศทางคลินิกฯ 3) ดำเนินการใช้รูปแบบการนิเทศทางคลินิกฯ เครื่องมือวิจัย 2 ชุดประกอบด้วย (1) รูปแบบการนิเทศทางคลินิกฯ และ (2) แบบเก็บข้อมูล (2.1) แบบสอบถามข้อมูลทั่วไปของพยาบาลวิชาชีพกลุ่มตัวอย่าง (2.2) แบบประเมินความรู้ (2.3) แบบเก็บข้อมูลจากเวชระเบียนผู้ป่วยกลุ่มอาการติดเชื้อในกระแสเลือด และ 4) ศึกษาผลลัพธ์การใช้รูปแบบการนิเทศทางคลินิกต่อการเพิ่มประสิทธิภาพการพยาบาลผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสโลหิตชนิดรุนแรง วิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพในขั้นตอนที่ 1 และ 2 โดยการวิเคราะห์เชิงเนื้อหาและสร้างข้อสรุป ส่วนขั้นตอนที่ 3 และ 4 วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณใช้สถิติเชิงพรรณนา เปรียบเทียบผลลัพธ์การใช้รูปแบบการนิเทศทางคลินิกต่อการเพิ่มประสิทธิภาพการพยาบาลผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสโลหิตชนิดรุนแรง ก่อนและหลังด้วยสถิติ Paired t-test และ One sample t-test กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยครั้งนี้ คือ พยาบาลวิชาชีพในหอผู้ป่วยอายุรกรรมโรงพยาบาลอุทัยธานีจำนวน 24 คน
ผลการศึกษา พบว่า ได้รูปแบบการนิเทศทางคลินิกต่อการเพิ่มประสิทธิภาพการพยาบาลผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสโลหิตชนิดรุนแรง ที่มีองค์ประกอบสำคัญตามแนวคิดของพรอคเตอร์ ดังนี้ 1) การนิเทศตามหลักสมานฉันท์ 2) การนิเทศตามแบบแผน และ 3) การนิเทศตามมาตรฐาน และรูปแบบการนิเทศทางคลินิกมีผลต่อคะแนนความรู้การพยาบาลผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสโลหิตชนิดรุนแรงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < .05) เมื่อเปรียบเทียบผลลัพธ์ด้านการพยาบาลผู้ป่วยหลังการใช้รูปแบบการนิเทศทางคลินิก พบว่ามีการปฏิบัติตามแนวทางการดูแลผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสโลหิตเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < .05) และคะแนนทัศนคติต่อการนิเทศมีระดับความคิดเห็นเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < .05)
สรุป: การพัฒนารูปแบบการนิเทศทางคลินิกต่อการเพิ่มประสิทธิภาพการพยาบาลผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสโลหิตชนิดรุนแรงสามารถเพิ่มความรู้ ทัศนคติต่อการนิเทศของพยาบาลวิชาชีพและเพิ่มผลลัพธ์ด้านการพยาบาลผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสโลหิตเพิ่มสูง
เอกสารอ้างอิง
Rudd KE, Johnson SC, Agesa KM, Shackelford KA, Tsoi D, Kievlan DR, et al. Global, regional, and national sepsis incidence and mortality, 1990-2017: analysis for the Global Burden of Disease Study. Lancet 2020;395(10219):200-11.
กระทรวงสาธารณสุข. สถิติสุขภาพปี 2564. นนทบุรี: กระทรวงสาธารณสุข; 2564.
โรงพยาบาลอุทัยธานี. รายงานผลการดำเนินงาน 2564. อุทัยธานี: โรงพยาบาลอุทัยธานี; 2565.
Kumar A, Roberts D, Wood KE, Light B, Parrillo JE, Sharma S, et al. Duration of hypotension before initiation of effective antimicrobial therapy is the critical determinant of survival in human septic shock. Crit Care Med 2006;34(6):1589-96.
Rivers E, Nguyen B, Havstad S, Ressler J, Muzzin A, Knoblich B, et al. Early goal-directed therapy in treatment of severe sepsis and septic shock. N Eng J Med; 2001;345(19):1368-77.
Rhodes A, Evans LE, Alhazzani W, Levy MM, Antonelli M, Ferrer R, et al. Surviving sepsis campaign: international guidelines for management of sepsis and septic shock: 2016. Intensive Care Med 2017;43(3):304-77.
Levy MM, Evans LE, Rhodes A. The Surviving sepsis campaign bundle: 2018 update. Intensive Care Med 2018;44(6):925-28.
โรงพยาบาลอุทัยธานี. แนวทางปฏิบัติการดูแลผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสโลหิต 2564. อุทัยธานี: โรงพยาบาลอุทัยธานี; 2565.
Proctor B. Training for the supervision alliance attitude, skills and intention. In: Butterworth TB, Cutcliffe JR, Proctor B, editors. Fundamental themes in clinical supervision. London: Routledge; 2001.
Crabtree BF, Miller WL. Doing qualitative research. CA: sage Publication; 1992.
รัชนีวรรณ คูตระกูล, พิชญพันธุ์ จันทระ, พัชรี ยิ้มแย้ม, สุรีย์พร กุมภาคา, รัชนี นามจันทรา. การพัฒนารูปแบบการนิเทศทางคลินิกการพยาบาลผู้ป่วยกลุ่มอาการติดเชื้อในกระแสเลือดชนิดรุนแรง. วารสารพยาบาลโรคหัวใจและทรวงอก 2562;30(2):193-209.
จีราพรรณ อันบุรี. ประสิทธิผลของการใช้แนวปฏิบัติ ทางการพยาบาลตามการบำบัดตามเป้าหมายตั้งแต่เริ่มแรกในผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสโลหิตโรงพยาบาลกำแพงเพชร. [วิทยานิพนธ์พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต]. เชียงใหม่: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่; 2555.
กรรณิกา อำพนธ์, ชัชญาภา บุญโยประการ, พัชรินทร์ ศิลป์กิจเจริญ. ผลลัพธ์ของการพัฒนาการดูแลผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสเลือดโรงพยาบาลพระปกเกล้า. วารสารศูนย์การศึกษาแพทยศาสตร์คลินิก โรงพยาบาลพระปกเกล้า 2560;34(3):222-34.
ผ่องศรี สุวรรณพายัพ. การพัฒนารูปแบบการนิเทศทางการพยาบาลกลุ่มการพยาบาล โรงพยาบาลพระปกเกล้า. วารสารการพยาบาลและการศึกษา 2556;6(1):12-26.
Dellinger RP, Levy MM, Rhodes A, Annane D, Gerlach H, Opal SM, et al. Surviving sepsis campaign: international guidelines for management of severe sepsis and septic shock, 2012. Intensive Care Med 2013;39(2):165- 228.
เพ็ญศรี อุ่นสวัสดิพงษ์, กรองกาญจน์ สังกาศ, ศศิมา กุสุมา ณ อยุธยา, ยงค์ รงค์รุ่งเรือง. ผลของกิจกรรมพยาบาลมุ่งเป้าในระยะ 6 ชั่วโมงแรกต่อความรุนแรงของอวัยวะล้มเหลวในผู้ป่วยที่มีกลุ่มอาการ Sepsis. วารสารพยาบาลศาสตร์ 2554;29(2):102-10.
โรงพยาบาลอุทัยธานี. รายงานผลการดำเนินงาน 2565. อุทัยธานี: โรงพยาบาลอุทัยธานี. 2566
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2023 วารสารสมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ลงพิมพ์ในวารสารเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย ถือเป็นผลงานวิชาการ งานวิจัย วิเคราะห์ วิจารณ์ ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้นิพนธ์ กองบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยเสมอไป และผู้นิพนธ์จะต้องรับผิดชอบต่อบทความของตนเอง