ความคาดหวังของสถานประกอบการต่อมาตรการกักตัวรักษาในสถานประกอบการ ในนิคมอุตสาหกรรมที่เข้าร่วมโครงการกับโรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่ง ในช่วงสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
คำสำคัญ:
มาตรการกักตัวรักษาในสถานประกอบการ, โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019บทคัดย่อ
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างทั้งในด้านของสาธารณสุขและเศรษฐกิจ พนักงานในสถานประกอบการติดเชื้อส่งผลให้สถานประกอบการไม่สามารถเปิดดำเนินการได้ตามปกติภาครัฐจึงมีนโยบายให้สถานประกอบการแต่ละแห่งจัดทำมาตรการกักตัวรักษาในสถานประกอบการ (Factory isolation) ร่วมกับสถานพยาบาลเพื่อดูแลและควบคุมการแพร่กระจายเชื้อ
วัตถุประสงค์: ศึกษาความคาดหวังของสถานประกอบการต่อมาตรการกักตัวรักษาในสถานประกอบการในแต่ละด้าน
วัสดุและวิธีการ: ศึกษาเชิงพรรณนาภาคตัดขวาง เก็บข้อมูลจากสถานประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมบางชันและสถานประกอบการที่สนใจเข้าร่วมมาตรการกักตัวรักษาในสถานประกอบการร่วมกับโรงพยาบาลนพรัตนราชธานีจำนวน 140 แห่ง โดยใช้แบบสอบถาม ในช่วงระหว่างวันที่ 3 มกราคม - 31 มีนาคม พ.ศ. 2565 ใช้สถิติเชิงพรรณนาวิเคราะห์คะแนนความคาดหวังเฉลี่ยในแต่ละด้านนำคะแนนเฉลี่ยรวมทุกด้านของทุกสถานประกอบการมาเป็นตัวแบ่งความคาดหวัง โดยให้สถานประกอบการที่มีคะแนนรวมมากกว่าค่าเฉลี่ยเป็นสถานประกอบการที่ “คาดหวังต่อมาตรการกักตัวรักษาในสถานประกอบการมาก” และสถานประกอบการที่คะแนนรวมน้อยกว่าหรือเท่ากับค่าเฉลี่ยเป็น “คาดหวังต่อมาตรการกักตัวรักษาในสถานประกอบการน้อย”
ผลการวิจัย: พบว่าเรื่องที่สถานประกอบการมีความคาดหวังสูงสุด คือด้านการดูแลรักษาพนักงานผู้ติดเชื้อ (คะแนนร้อยละ 81.7±16.3) รองลงมาคือด้านการตรวจคัดกรองและการตรวจยืนยันการติดเชื้อในพนักงาน (คะแนนร้อยละ 81.2±15.0) และด้านที่มีความหวังน้อยที่สุดคือด้านการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคภายในสถานประกอบการ (คะแนนร้อยละ 73.3±17.9) วิเคราะห์ความสัมพันธ์พบว่าปัจจัยการมีแพทย์อาชีวเวชศาสตร์เป็นที่ปรึกษาสถานประกอบการมีความสัมพันธ์กับคะแนนความคาดหวังระดับมากต่อมาตรการกักตัวรักษาในสถานประกอบการเป็น 2.5 เท่า (95% CI: 1.0-6.3; p = 0.048)
สรุป: ผลการศึกษาในครั้งนี้สามารถน าไปใช้ในการจัดท ามาตรการกักตัวรักษาให้สอดคล้องกับความต้องการของสถานประกอบการ ในกรณีของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคติดเชื้ออื่นๆ ที่ลักษณะใกล้เคียงกัน
เอกสารอ้างอิง
World Health Organization. Coronavirus (Thailand) [Internet]. 2021 [cited 2021 Sep 25]. Available from: https://www.who.int/thailand/health-topics/coronavirus?fbclid=IwAR0UUbMt7CH2DMTgBN Qu58NQVSIgjUixA50i6fvbf-_Dg6hQacu2kVmfOxU
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) [อินเทอร์เน็ต]. 2564 [เข้าถึง
เมื่อ 15 ก.ย. 2564]. เข้าถึงได้จาก: https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/ faq_more.php
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล. ความรู้พื้นฐาน COVID-19 [อินเทอร์เน็ต]. 2563
[เข้าถึงเมื่อ 15 ก.ย. 2564]. เข้าถึงได้จาก: https://www.phoubon.in.th/covid-19
Açikgöz Ö, Günay A. The early impact of the Covid-19 pandemic on the global and Turkish
economy. Turk J Med Sci 2020;50(SI-1):520-6.
อนุชิดา ชินศิรประภา. ผลกระทบโควิด 19 กับเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวภาคตะวันออก. วารสารบริหารธุรกิจ
อุตสาหกรรม 2564;3(2):1-4.
สุปิยา วิริไฟ, พิมลดา ลัดดางาม. การแยกกักตัวที่บ้าน (Home Isolation): แนวทางการให้ค าแนะน าผู้ติดเชื้อโค
วิด-19. วารสารศูนย์อนามัยที่ 9: วารสารส่งเสริมสุขภาพและอนามัย สิ่งแวดล้อม 2565;16(2):597-611.
กระทรวงสาธารณสุข. คู่มือการจัดตั้งศูนย์แยกกักตัวในชุมชน (Community Isolation) [อินเทอร์เน็ต]. 2564
[เข้าถึงเมื่อ 15 ต.ค. 2564]. เข้าถึงได้จาก: http://www.stopcorruption.moph.go.th/application/editors/
userfiles/files.pdf
สถาบันอาชีวเวชศาสตร์และเวชศาสตร์สิ่งแวดล้อม โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี กรมการแพทย์. คู่มือปฏิบัติ
Factory Isolation นพรัตน โมเดล [อินเทอร์เน็ต]. 2564 [เข้าถึงเมื่อ 15 ต.ค. 2564]. เข้าถึงได้จาก:
http://nrh.nopparat.go.th/occmedical/public/files/FImanual.pdf
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. สถานการณ์ผู้ติดเชื้อ COVID-19 [อินเทอร์เน็ต]. 2565 [เข้าถึงเมื่อ 3 เม.ย.
. เข้าถึงได้จาก: https://ddc.moph.go.th/covid19-dashboard/
พลวุฒิ สงสกุล. วิกฤตโควิดเตียงเต็ม ผู้ป่วยติดเตียง ผู้สูงอายุและเด็กหาเตียงยากกว่าปกติ [อินเทอร์เน็ต]. 2564
[เข้าถึงเมื่อ 17 ก.ย. 2564]. เข้าถึงได้จาก: https://thestandard.co/covid-crisis-patient-beds-are-full
คมชัดลึกออนไลน์. วิกฤติเตียงเต็ม [อินเทอร์เน็ต]. 2565 [เข้าถึงเมื่อ 19 มี.ค. 2565]. เข้าถึงได้จาก:
https://www.komchadluek.net/covid-19/505595
กระทรวงสาธารณสุข. ประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องชุดตรวจและน้ ายาที่เกี่ยวข้องกับการวินิจฉัยการติดเชื้อ
SARS-CoV-2 (เชื้อก่อโรค COVID-19) แบบตรวจหาแอนติเจนด้วยตนเอง (COVID-19 Antigen) [อินเทอร์เน็ต].
[เข้าถึงเมื่อ 3 มี.ค. 2565]. เข้าถึงได้จาก: http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2564/E
/155/T_0019.PDF
กระทรวงสาธารณสุข. ประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่อง ชุดตรวจและน้ ายาที่เกี่ยวข้องกับการวินิจฉัยการติดเชื้อ
SARS-CoV-2 (เชื้อก่อโรค COVID-19). แบบตรวจหาแอนติเจนด้วยตนเอง (COVID-19 Antigen) (2)
[อินเทอร์เน็ต] .2564 [เข้าถึงเมื่อ 3 มี.ค. 2565]. เข้าถึงได้จาก: https://www.fda.moph.go.th/sites/Medical/
PublishingImages/SitePages/Ministry_of_Health/T_0015.PDF
Hfocus. ผลส ารวจความต้องการของคนไทยในยุคโรวิด-19 [อินเทอร์เน็ต]. 2564 [เข้าถึงเมื่อ 20 เม.ย. 2565].
เข้าถึงได้จาก: https://www.hfocus.org/content/2021/08/22875
รวิพร โรจนอาชา, กิตติพร เนาว์สุวรรณ, นภชา สิงห์วีรธรรม. การพัฒนารูปแบบการดูแลผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา
โดยใช้Hospitel ในบริบทชายแดนไทย-มาเลเซีย ภายใต้การบริหารจัดการของแผนกผู้ป่วยใน โรงพยาบาล
สะเดา จ.สงขลา. วารสารมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์2565;1:134-56.
World Health Organization. COVID-19: occupational health and safety for health workers: interim
guidance [Internet]. 2021 [cited 2021 Sep 25]. Available from: https://www.who.int/publications
/i/item/WHO-2019-nCoV-HCW_advice-2021-1
Occupational Safety and Health Administration. Guidance on preparing workplaces for COVID-19
[Internet]. 2020 [cited 2021 Sep 25]. Available from: https://www.osha.gov/sites/ default/files
/publications/OSHA3990.pdf
Occupational Safety and Health Administration. Protecting workers: guidance on mitigating and
preventing the spread of COVID-19 in the workplace [Internet]. 2020 [cited 2022 Sep 27].
Available from: https://www.osha.gov/coronavirus/safework
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2023 วารสารสมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ลงพิมพ์ในวารสารเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย ถือเป็นผลงานวิชาการ งานวิจัย วิเคราะห์ วิจารณ์ ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้นิพนธ์ กองบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยเสมอไป และผู้นิพนธ์จะต้องรับผิดชอบต่อบทความของตนเอง