การพัฒนาระบบบริการเพื่อรองรับการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในบริบทโรงพยาบาลชุมชน

บทคัดย่อ

การวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action research) นี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาระบบบริการและประเมินผลระบบบริการเพื่อรองรับการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โรงพยาบาลยางสีสุราช จังหวัดมหาสารคาม ดำเนินการพัฒนาระบบบริการร่วมกันโดยทีมสหวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง ตามแนวทางขององค์การอนามัยโลก คือ “6 เสาหลักของระบบสุขภาพ (6 Building Blocks of A Health System)” ระยะเวลาวิจัย เดือน กุมภาพันธ์ 2564-เมษายน 2565 ประเมินผลการพัฒนาระบบจากผลลัพธ์การดูแลผู้ป่วยที่รักษาใน Cohort Ward (CW), โรงพยาบาลสนาม, Home Isolation รวม 2,031 ราย วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณโดยสถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ จำนวน ร้อยละ ข้อมูลเชิงคุณภาพใช้วิธีวิเคราะห์เนื้อหา

          ผลการศึกษา พบว่า มีการพัฒนาระบบบริการเพื่อรองรับการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ประกอบด้วย 1) การจัดระบบสนับสนุนการจัดบริการดูแลรักษาโดยขับเคลื่อนการดำเนินงานผ่านคณะกรรมการ  มีการบริหารจัดการสถานที่ตามมาตรฐานและหลักควบคุมป้องกันการติดเชื้อ จัดระบบสนับสนุนทรัพยากรและวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ 2) การจัดการระบบการดูแลรักษาที่มีประสิทธิภาพ โดยมี Case Management และ Project Manager รวมถึงศูนย์ประสานโควิดในการพัฒนาและเชื่อมโยงทั้งระบบ จัดทำ CPG เพื่อส่งเข้ารับการรักษาตามระดับความรุนแรง จัดระบบการดูแลตั้งแต่รับผู้ป่วย,การรักษา ติดตามผู้ป่วย การส่งต่อผู้ป่วย พร้อมทั้งนำสื่อเทคโนโลยีมาสนับสนุนการดูแลผู้ป่วย 3) พัฒนาทรัพยากรบุคคลตามสมรรถนะแต่ละวิชาชีพและการปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันการติดเชื้อมีการหมุนเวียนปฏิบัติงาน ประเมินผล จากการดำเนินงาน ครั้งที่ 1, 2 พบว่า 1) ผู้ป่วย CW จำหน่ายตามแผนการรักษา ร้อยละ 93.33,92.75 มีอาการเปลี่ยนแปลง ร้อยละ 6.67,7.25 ส่งต่อ รพ.แม่ข่าย ร้อยละ100,100 2) ผู้ป่วย รพ. สนาม จำหน่ายตามแผนการรักษา ร้อยละ 96.92,98.25 มีอาการเปลี่ยนแปลง ร้อยละ 3.08,ร้อยละ 1.75 ย้ายเข้า CW ร้อยละ 100,100 3) ผู้ป่วย HI จำหน่ายตามแผนการรักษา ร้อยละ 99.09 มีอาการเปลี่ยนแปลง ร้อยละ 0.80 ย้ายเข้ารพ.สนาม/CW ร้อยละ 100

สรุป : การพัฒนาระบบบริการเพื่อรองรับการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่พัฒนาขึ้นจากการจากการมีส่วนร่วมและนำ Six Building Blocks of A Health System มาเป็นแนวทางดำเนินงาน สามารถทำให้เกิดการจัดบริการที่มีประสิทธิภาพตอบสนองต่อความจำเป็นในการเจ็บป่วยของประชาชน รวมถึงการจัดสรรงบประมาณและทรัพยากรได้อย่างเพียงพอ ส่งผลให้ผู้ป่วยได้รับเข้าถึงบริการที่รวดเร็ว ได้รับการดูแลที่เหมาะสมตามระดับความรุนแรง