ปัญหาการใช้ยาและปัจจัยที่มีผลต่อปัญหาการใช้ยาของผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ที่มารับการรักษาที่โรงพยาบาลบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ

ผู้แต่ง

  • สิรวิชญ์ พันธนา โรงพยาบาลบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ

คำสำคัญ:

ปัญหาการใช้ยา, ปัจจัยที่มีผลต่อปัญหาการใช้ยา, ผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษาเชิงพรรณนาแบบภาคตัดขวาง (Cross-sectional descriptive study)
มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาปัญหาการใช้ยาของผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ที่มารับการรักษาที่โรงพยาบาล บึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ และ 2) เพื่อวิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลต่อปัญหาการใช้ยาของผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ที่มารับการรักษาที่โรงพยาบาลบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ จำนวนกลุ่มตัวอย่าง 420 คน โดยใช้การสุ่มตัวอย่างแบบตามความสะดวก (Convenience Sampling) จากผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรังที่มารับการรักษาที่โรงพยาบาลบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ ระหว่างวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2564 ถึง 30 ธันวาคม พ.ศ. 2564 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น วิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา (Descriptive statistics) ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรอิสระกับตัวแปรตาม
โดยใช้สถิติการวิเคราะห์ความถดถอยโลจิสติก (Logistic Regression Analysis)

ผลการวิจัยพบว่า 1) ปัญหาการใช้ยาของผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง จำแนกได้ 3 ประเภท ได้แก่ การใช้ยามากเกินขนาด การใช้ยาน้อยเกินขนาด และการใช้ยาไม่สม่ำเสมอ โดยผู้ป่วย จำนวน 122 คน หรือประมาณหนึ่งในสี่ของผู้ป่วยทั้งหมด มีปัญหาในการใช้ยา คิดเป็นความชุกของปัญหาการใช้ยาของผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ร้อยละ 29.05  โดยส่วนใหญ่มีการใช้ยาน้อยกว่าที่แพทย์สั่ง 2) ผลการวิเคราะห์ความสัมพันธ์แบบตัวแปรเชิงเดี่ยว (Univariate analysis) เข้าสู่การวิเคราะห์แบบตัวแปรเชิงพหุ (Multivariate analysis) สรุปได้ว่า ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับปัญหาการใช้ยาของผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง มีทั้งหมด 5 ปัจจัย ดังนี้ 2.1) ปัจจัยหลักด้านคุณลักษณะส่วนบุคคล ได้แก่ อายุ (Odds Ratioadj = 3.779, 95% CI = 2.089 – 6.837, p-value = .000) และรายได้ (Odds Ratioadj = 2.962, 95% CI = 1.206 – 7.276, p-value = .018) 2.2) ปัจจัยหลักด้านความยุ่งยากในการใช้ยา ได้แก่ จำนวนรายการยา (Odds Ratioadj = 11.565, 95% CI = 1.942 – 68.865, p-value = .007) 2.3) ปัจจัยหลักด้านความรู้เกี่ยวกับการใช้ยา ได้แก่ ความรู้ในเรื่องสรรพคุณของยา (Odds Ratioadj  = 9.794, 95% CI  = 1.402 – 68.423, p-value  = .021) 2.4) ปัจจัยหลักด้านทัศนคติเกี่ยวกับการใช้ยา ได้แก่ ทัศนคติเกี่ยวกับสรรพคุณของยา (Odds Ratioadj  = 17.819, 95% CI  = 1.077 – 294.943, p-value  = .044) และ 2.5) ปัจจัยเสริมด้านการสนับสนุนจากบุคคลในครอบครัว ได้แก่ การจัดเตรียมยา อาหาร สถานที่ให้ผู้ป่วย (Odds Ratioadj  = 5.735, 95% CI  = 1.002 – 33.040, p-value  = .050)

โดยสรุป เพื่อแก้ปัญหาการใช้ยาของผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ป้องกันอันตรายจากการใช้ยา และป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากการรักษาโรค ควรเพิ่มนโยบายการเสริมความรู้ สร้างทัศนคติที่ถูกต้องเกี่ยวกับการใช้ยาแก่ผู้ป่วย และเน้นการส่งเสริมกิจกรรมในกลุ่มผู้ป่วยที่มีอายุ 51 ปีขึ้นไปให้มากขึ้น เช่น การสร้างกลุ่มเครือข่ายการดูแลสุขภาพระหว่างผู้สูงวัย การสานสัมพันธ์อันดีระหว่างผู้ป่วยกับบุคคลครอบครัว รวมถึงพัฒนาฟังก์ชันแนะนำวิธีการใช้ยารายการต่าง ๆ ในแอปพลิเคชันที่ผู้ป่วยสามารถใช้งานได้สะดวกในโทรศัพท์เคลื่อนที่ส่วนบุคคล

เอกสารอ้างอิง

กองโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค. รายงานผลการศึกษาโครงการทบทวนสถานการณ์และผลการดำเนินงานป้องกันควบคุมโรคไม่ติดต่อเรื้อรังในประเทศไทย พ.ศ. 2560-2562 [อินเทอร์เน็ต]. 2562 [เข้าถึงเมื่อ 12 พ.ค.2564]. เข้าถึงได้จาก: http://thaincd.com/2016/media-detail.php?id=13870&tid=15&gid=1-015-005

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ. กลุ่มโรค NCDs โรคที่คุณสร้างเอง [อินเทอร์เน็ต]. 2560 [เข้าถึงเมื่อ 12 พ.ค.2564]. เข้าถึงได้จาก:http://www.thaihealth.or.th/microsite/categories/5/ncds/2/173/176-กลุ่มโรค+NCDs.html

Richardson K, Ananou A, Lafortune L, Brayne C, Matthews FE. Variation over time in the association between polypharmacy and mortality in the older population. Drugs Aging 2011;28:547-60.

โรงพยาบาลบึงกาฬ. รายงานผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง. บึงกาฬ : โรงพยาบาลบึงกาฬ; 2563.

เบญจพร วัฒนศิริเวช. ประเมินผลโครงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ยาของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 เครือข่ายบริการสุขภาพ อำเภอเปือยน้อย จังหวัดขอนแก่น. วารสารสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น 2564;3(1):103-15.

ปิยะวัน วงษ์บุญหนัก, ปวีณา ว่องตระกูล, หรรษา มหามงคล, วรัญญา เนียมขำ. การสำรวจปัญหาและพฤติกรรมการใช้ยาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและสมุนไพรของผู้สูงอายุกรณีศึกษาชุมชนศีรษะจรเข้น้อย จังหวัดสมุทรปราการ. วารสารมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติวิชาการ 2559;20(39):97-108.

ชุติธนา วีระวัธนชัย, สุธาทิพย์ พิชญไพบูลย์. ปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยาในผู้ป่วยในซึ่งเป็นโรคเบาหวานโรงพยาบาลราชวิถี [วิทยานิพนธ์ปริญญาเภสัชศาสตรมหาบัณฑิต]. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย; 2545.

สุภาพ ฉัตราภรณ์. การออกแบบการวิจัย. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์; 2555.

ศิริชัย กาญจนวาสี. ทฤษฎีการทดสอบแบบดั้งเดิม. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย; 2556; หน้า 185.

Thapa B, Pokharel PK, Poudel IS, Sharma SK, Shyangwa PM, Sangraula H, et al. Factors affecting on adherence to the prescribed drugs in diabetic patients visiting a tertiary care centre. Journal of nobel medical college 2013;2:11-7.

สุมาพร สุจำนงค์, มณีรัตน์ ธีระวิวัฒน์, นิรัตน์ อิมามี. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการจัดการตนเองของผู้ป่วยความดันโลหิตสูง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลตลาดขวัญ จังหวัดนนทบุรี. วารสารวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี 2556;29(2):20-30.

ธมนพรรษ บุญเจริญ, วนิดา ดุรงค์ฤทธิชัย, จริยาวัตร คมพยัคฆ์. ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการรับประทานยาในทหารที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงชนิดไม่ทราบสาเหตุ. วารสารพยาบาลสาธารณสุข 2558;29(3):50–64.

ญาดา เรียมริมมะดัน. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อพฤติกรรมการรับประทานยาของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงในชุมชน อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา. วารสารการพยาบาล การสาธารณสุขและการศึกษา 2561;19(1):132-43.

วันวิสา รอดกล่อม, นิสาพร วัฒนศัพท์, ปัทมา สุพรรณกุล, อรอุษา สุวรรณประเทศ. การสนับสนุนทางสังคมและความเชื่อด้านสุขภาพกับพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงชนิดไม่ทราบสาเหตุที่มารับบริการของโรงพยาบาลพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก. วารสารการพยาบาลและสุขภาพ 2555;6(2):76-88.

Shams ME, Barakat EA.. Measuring the rate of therapeutic adherence among outpatients with T2DM in Egypt. Saudi Pharm J 2010;18:225-32.

ธัญรดี ปราบริปู. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการใช้ยาของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่มารับบริการที่คลินิกพิเศษ โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช. วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี 2564;32(2):184-94.

ธราดล โพธิษา. ปัจจัยทำนายความร่วมมือในการใช้ยาของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงในชุมชนแห่งหนึ่งของจังหวัดพะเยา. [วิทยานิพนธ์ปริญญาสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต]. พะเยา: มหาวิทยาลัยพะเยา; 2563.

โมเรศ ศรีบ้านไผ่. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อความไม่ร่วมมือในการใช้ยาของผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์. [วิทยานิพนธ์ปริญญาเภสัชศาสตรมหาบัณฑิต]. กรุงเทพฯ:จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย; 2554.

อัญชลี กามินี, ธนัช กนกเทศ. ปัจจัยที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการใช้ยาของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ตำบลหนองพะยอม อำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร. วารสารสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร 2562;1(2):31-44.

Roter D. The enduring and evolving nature of the patient- physician relationship. Patient Educ Couns 2000;39(1):5-15.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2022-05-18

รูปแบบการอ้างอิง

1.
พันธนา ส. ปัญหาการใช้ยาและปัจจัยที่มีผลต่อปัญหาการใช้ยาของผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ที่มารับการรักษาที่โรงพยาบาลบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ. JPMAT [อินเทอร์เน็ต]. 18 พฤษภาคม 2022 [อ้างถึง 19 ธันวาคม 2025];12(1):146-69. available at: https://he01.tci-thaijo.org/index.php/JPMAT/article/view/255655

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย