การยอมรับและพฤติกรรมการป้องกันตนเองของประชาชนในพื้นที่จัดตั้งตึกแยกโรคผู้ป่วยติดเชื้อ(Cohort ward) โรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราชเจ้ากรมหลวงชินวราลงกรณ(วาสนมหาเถร) อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยาในสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)

ผู้แต่ง

  • พีระ อารีรัตน์ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

คำสำคัญ:

พฤติกรรม, การยอมรับ, หอผู้ป่วยแยกโรคติดเชื้อ (cohort ward), โควิด-19

บทคัดย่อ

            การวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษาเชิงพรรณนาแบบภาคตัดขวาง มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการยอมรับของประชาชนในพื้นที่จัดตั้งตึกแยกโรคผู้ป่วยติดเชื้อ(Cohort ward) โรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวราลงกรณ(วาสนมหาเถร) อำเภอนครหลวง  จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และระดับพฤติกรรมการป้องกันตนเองของประชาชนต่อการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด -19) อำเภอนครหลวง  จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามเกี่ยวกับการยอมรับของประชาชนในพื้นที่จัดตั้งตึกแยกโรคผู้ป่วยติดเชื้อ(Cohort ward) โรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวราลงกรณ(วาสนมหาเถร) อำเภอนครหลวง  จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และแบบสอบถามเกี่ยวกับพฤติกรรมการป้องกันตนเองต่อการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19) อำเภอนครหลวง  จังหวัดพระนครศรีอยุธยา รวบรวมข้อมูลทุติยภูมิจากเอกสารประกอบการประชุม รายงานการดำเนินงานต่างๆกลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,060 คน ได้รับแบบสอบถามกลับคืนจำนวน 990 คน ร้อยละ 93.40 วิเคราะห์ข้อมูล ด้วยคอมพิวเตอร์โปรแกรมสำเร็จรูป โดยใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่การแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน วิเคราะห์เนื้อหา (content analysis)

          ผลการวิจัย พบว่า ประชาชนให้การยอมรับในการจัดตั้งตึกแยกโรคผู้ป่วยติดเชื้อ(Cohort ward) โรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวราลงกรณ(วาสนมหาเถร) อำเภอนครหลวง  จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อยู่ในระดับการยอมรับมาก มีค่าคะแนนเฉลี่ยระดับการยอมรับเท่ากับ 2.90 คะแนน(=2.90, S.D.=0.32) สำหรับการป้องกันตนเองของประชาชนต่อการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด -19) พบว่าประชาชนกลุ่มตัวอย่างพฤติกรรมการป้องกันตนเอง ต่อการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด -19)อยู่ในระดับดีมาก มีค่าคะแนนเฉลี่ยระดับพฤติกรรมเท่ากับ 2.98 คะแนน (=1.98, S.D.=0.16) โดยพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่มีพฤติกรรมในการป้องกันตนเองต่อการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด -19) ร้อยละ 97.78  

เอกสารอ้างอิง

1. สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข.รายงานโครงการการพัฒนากรอบยุทธศาสตร์ด้านสาธารณสุขเพื่อตอบสนองต่อ
การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของประเทศไทย. [ออนไลน์]:[สืบค้นเมื่อวันที่15มีนาคม2564
แหล่งข้อมูล https://kb.hsri.or.th/dspace/handle/11228/5275; 2563.
2. กรมควบคุมโรค. สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019. [ออนไลน์]:[สืบค้นเมื่อวันที่15 มีนาคม 2564 แหล่งข้อมูล:https://ddcportal.ddc.moph.go.th/portal/apps/opsdashboard/index.html#/20f3466e075e45e5946aa87c96e8ad65; 2564.
3. สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา. ระบบฐานข้อมูล 43 แฟ้ม HDC. [ออนไลน์]:[สืบค้นเมื่อวันที่15
มีนาคม 2564 แหล่งข้อมูล https://www.ayo.moph.go.th/main/index.php; 2564.
4. อรุณ จิรวัฒน์กุล. ชีวสถิติสำหรับงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์สุขภาพ. ขอนแก่น:คลังนานาวิทยา; 2547.
5. บุญธรรม กิจปรีดาบริสุทธิ์. เทคนิคการสร้างเครื่องมือรวบรวมข้อมูลสำหรับการวิจัย. พิมพ์ครั้งที่ 6. กรุงเทพฯ:
จามจุรีโปรดักท์; 2549.
6. ธานี กล่อมใจ จรรยา แก้วใจบุญ ทักษิกา ชัชวรัตน์. ความรู้และพฤติกรรมของประชาชนเรื่องการป้องกันตนเอง
จากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019. วารสารการพยาบาล การสาธารณสุข และการศึกษา ปีที่ 21
ฉบับที่2 พฤษภาคม – สิงหาคม.; 2563.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2021-09-07

รูปแบบการอ้างอิง

1.
อารีรัตน์ พ. การยอมรับและพฤติกรรมการป้องกันตนเองของประชาชนในพื้นที่จัดตั้งตึกแยกโรคผู้ป่วยติดเชื้อ(Cohort ward) โรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราชเจ้ากรมหลวงชินวราลงกรณ(วาสนมหาเถร) อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยาในสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19). JPMAT [อินเทอร์เน็ต]. 7 กันยายน 2021 [อ้างถึง 27 ธันวาคม 2025];11(2):239-54. available at: https://he01.tci-thaijo.org/index.php/JPMAT/article/view/250548

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย