ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ในผู้ป่วย ที่มารับบริการในหน่วยบริการปฐมภูมิ
คำสำคัญ:
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์, หน่วยบริการปฐมภูมิบทคัดย่อ
สถานการณ์โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในประเทศไทยมีแนวโน้มที่สูงขึ้นและยังคงเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญสอดคล้องกับสถานการณ์ทั่วโลก โดยในการศึกษาหลายแห่งเกี่ยวกับปัจจัยที่สัมพันธ์กับการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ยังมีความขัดแย้งกัน รวมถึงยังไม่พบการศึกษาในหน่วยบริการปฐมภูมิในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา วัตถุประสงค์งานวิจัยคือ เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ในผู้ป่วยที่มารับบริการในหน่วยบริการปฐมภูมิ จำนวน 140 คน (ผู้ติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ 47 คน และผู้ไม่ติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ 93 คน) โดยการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย การเก็บข้อมูลใช้แบบสอบถามในการสัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่าง ระหว่างเดือนมิถุนายน - ตุลาคม 2563 เก็บข้อมูลปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ประวัติส่วนตัวของผู้ป่วย ลักษณะส่วนบุคคล พฤติกรรมการมีเพศสัมพันธ์ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบ วิเคราะห์ข้อมูลโดยสถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และใช้สถิติเชิงวิเคราะห์ ได้แก่ Independent t-test, Chi-square test นำไปวิเคราะห์ตัวแปรพหุ (Multivariate analysis) โดยใช้ Binary Logistic Regression ผลการศึกษาพบว่าปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญ ได้แก่ การมีประวัติเคยติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์มาก่อน และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบส่วนใหญ่ คือ Gonococcal infection ร้อยละ 46.8 สรุปผลการศึกษาพบว่าปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ คือ การมีประวัติเคยติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์มาก่อน และปัจจัยจากข้อมูลส่วนบุคคล คืออายุที่น้อยกว่า 44 ปี
เอกสารอ้างอิง
Centers for Disease Control and Prevention. Sexually transmitted infections (STIs) [Internet]. 2016 [cited 2020 February 10]. Available from https://www.cdc.gov/std/general/default.htm.
World Health Organization. Sexually transmitted infections (STIs) [Internet]. 2019 [cited 2020 February 10]. Available from:https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/sexually-transmitted-infections-(stis).
นิสิต คงเกริกเกียรติ, รสพร กิตติเยาวมาลย์, เอกชัย แดงสอาด, บรรณาธิการ. แนวทางการดูแลรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ พ.ศ.2558. นนทบุรี: กรมควบคุมโรค; 2558.
กองยุทธศาสตรและแผนงาน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข. สถิติสาธารณสุข พ.ศ. 2560 [อินเทอร์เน็ต]. 2561 [เข้าถึงเมื่อ 2 มี.ค.2564]. เข้าถึงได้จาก: http://www.pcko.moph.go.th/Health-Statistics/stratistics60.pdf
นุชนารถ แก้วดำเกิง, จิตรา อ่อนน้อม, สิริพร ภิยโยทัย, จุฑามาศ มากกุญชร, ภัทร์ศยา มุกลีมาศ, ศิริกูล ชัยเจริญ และคณะ. คู่มือการสร้างเสริมความรอบรู้ด้านเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (HIV & STIs Literacy). นนทบุรี: กรมควบคุมโรค; 2563.
ศุภดิษฐ์ บาริศรี, ดุสิต สุจิรารัตน์, มธุรส ทิพยมงคลกุล. การศึกษาความชุกและปัจจัยที่มีส่วนสัมพันธ์กับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (คลาไมเดีย ทราโคมาทิส, ไนซีเรีย โกโนเรีย และซิฟิลิส) ในกลุ่มชายรักชายและกลุ่มชายข้ามเพศบางจังหวัดในประเทศไทย. วารสารการประชุมวิชาการสาธารณสุขแห่งชาติ 2561;16:275-83.
Kent CK, Chaw JK, Wong W, Liska S, Gibson S, Hubbard G, et al. Prevalence of Rectal, Urethral, and Pharyngeal Chlamydia and Gonorrhea Detected in 2 Clinical Settings among Men Who Have Sex with Men: San Francisco, California, 2003. Clin Infect Dis 2005;41: 67-74.
พรรณนิภา สังข์ทอง. การศึกษาพฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์และโรคเอดส์ของผู้ชายที่เข้ามาตรวจรักษาโรค [วิทยานิพนธ์ปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต]. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย; 2549.
พอเพ็ญ ไกรนรา. ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และการป้องกันการตั้งครรภ์ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาในโรงเรียนสังกัดเทศบาลเมืองสระบุรี. วารสารศูนย์การศึกษาแพทยศาสตร์คลินิก โรงพยาบาลพระปกเกล้า 2556;30:274-86.
Jung M. Risk factors of sexually transmitted infections among female sex workers in Republic of Korea. Infect Dis Poverty 2019;8:6
พนิดา กัณหากุล, ชลลดา อยู่ศิริ, สุดาพร ปุจฉากาญจน์. สถานการณ์โรคหนองในของผู้รับบริการในคลินิกตรวจรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์โรงพยาบาลเลย (พ.ศ.2556–2558). วารสารสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 ขอนแก่น. 2560;24:38-45.
Behets F, Andriamiadana J, Rasamilalao D, Ratsimbazafy N, Randrianasolo D, Dallabetta G, et al. Sexually transmitted infections and associated socio-demographic and behavioural factors in women seeking primary care suggest Madagascar’s vulnerability to rapid HIV spread. Trop Med Int Health 2001;6:202–11.
Mayer KH, Bush T, Henry K, Overton ET, Hammer J, Richardson J, et al. Ongoing Sexually Transmitted Disease Acquisition and Risk-Taking Behavior Among US HIV-Infected Patients in Primary Care: Implications for Prevention Interventions. Sexually Transmitted Diseases 2012;39:1–7.
กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค. Reported cases and deaths by Province and by Month Thailand 2020 [อินเทอร์เน็ต]. 2563 [เข้าถึงเมื่อ 3 มี.ค. 2563]. เข้าถึงได้จาก: http://www.boe.moph.go.th/boedb/surdata/index.php.
Bernard R. Fundamentals of biostatistics 5th ed. Duxbery: Thomson learning; 2000.
Fleiss JL, Levin B, Paik MC. Statistical methods for rates and proportions 3rd ed. John Wiley&Sons; 2003.
Ngamjarus C, Chongsuvivatwong V. n4Studies: Sample size and power calculations for iOS. Songkla: Program - The Thailand Research Fund&Prince of Songkla University; 2014.
กุลภัสสรณ์ ศิริมนัสสกุล. รายงานการศึกษาสถานการณ์โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้านระบาดวิทยาและเคราะห์ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเพื่อส่งเสริมให้การดำเนินงานบรรลุความสำเร็จต่อการลดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์. นนทบุรี: กรมควบคุมโรค; 2560.
สุรชัย ล้ำเลิศกิตติกุล. โรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ [อินเทอร์เน็ต]. 2562 [เข้าถึงเมื่อ 15 ธ.ค.2563]. เข้าถึงได้จาก: http://www.chularat304inter.com/news_detail.php?id=183
MedThai. หนองใน อาการ สาเหตุ และการรักษาโรคหนองในแท้ 6 วิธี [อินเทอร์เน็ต]. 2560 [เข้าถึงเมื่อ 15 ธ.ค.2563]. เข้าถึงได้จาก: https://medthai.com
World health organization. Q&A – How can I drink alcohol safely?[Internet]. 2020 [cited 2020 Dec 15]. Available from:https://www.euro.who.int/en/health-topics/disease-prevention/alcohol-use/data-and-statistics/q-and-a-how-can-i-drink-alcohol-safely
พิสุทธิ์ พงษ์ชัยกุล. การดื่มเหล้า ส่งผลต่ออวัยวะในร่างกายและกระทบต่อสังคมอย่างไรบ้าง? [อินเทอร์เน็ต]. 2563 [เข้าถึงเมื่อ 15 ธ.ค.2563]. เข้าถึงได้จาก: https://hd.co.th/alcohol-dosage-and-how-not-to-harm-yourselves-and-others
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ลงพิมพ์ในวารสารเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย ถือเป็นผลงานวิชาการ งานวิจัย วิเคราะห์ วิจารณ์ ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้นิพนธ์ กองบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยเสมอไป และผู้นิพนธ์จะต้องรับผิดชอบต่อบทความของตนเอง