ประสบการณ์การควบคุมน้ำตาลในเลือดได้สำเร็จของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2
คำสำคัญ:
ประสบการณ์, ควบคุมเบาหวานบทคัดย่อ
การวิจัยเชิงคุณภาพครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาประสบการณ์การควบคุมน้ำตาลในเลือดได้สำเร็จของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 โดยการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่มารับการรักษาในคลินิกโรคเบาหวาน รพ.แก่งคอย จำนวน 11 ราย โดยคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจงทำการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้หลักการวิเคราะห์ข้อมูลการวิจัยเชิงคุณภาพของจีออจี (Giorgi’s method) ผลการวิจัยพบว่า ประสบการณ์ในการควบคุมเบาหวาน ประกอบด้วย 1.การให้ความหมายของโรคเบาหวานของผู้ให้ข้อมูลเกี่ยวข้องกับการควบคุมอาหาร 2.การรับรู้การควบคุมระดับน้ำตาลจากระดับน้ำตาลในเลือดเทียบสี และอาการที่เกิดขึ้น 3.พฤติกรรมการดูแลตนเองกับโรคเบาหวาน ได้แก่ เปลี่ยนแปลงการรับประทานอาหารการดื่มน้ำเปล่าการออกกำลังกาย การทานยา การมีแหล่งของข้อมูลในการดูแลตัวเอง การเลือกทานสมุนไพร 4. ความรู้สึกต่อโรคเบาหวาน คือความกลัว ความเบื่อ 5.มุมมองในการควบคุมโรคเบาหวานว่าขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตน 6.ประสบการณ์ไม่ดีเป็นจุดเปลี่ยนให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม 7. ความภาคภูมิใจ ความสำเร็จในการดูแลตนเอง เป็นสิ่งที่ทำให้ต้องการควบคุมน้ำตาลต่อไป
เอกสารอ้างอิง
2. อัญญา ปลดเปลื้อง. การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปรากฏการณ์วิทยา. วารสารพยาบาลกระทรวงสาธารณสุข 2013;23:1-10.
3. เอื้อมพร หลินเจริญ. การวิเคราะห์และนำเสนอผลในงานวิจัยเชิงคุณภาพ [อินเตอร์เน็ต]. 2558 [เข้าถึงเมื่อ 5 มี.ค.2563]. เข้าถึงได้จาก http://www.edu.tsu.ac.th/major/eva/files/journal/DataAnalysis.pdf.
4. American Diabetes Association. Foundations of Care: Education, Nutrition, Physical Activity, Smoking Cessation, Psychosocial Care, and Immunization. Diabetes Care 2015;38 (Suppl. 1):S20–S30. DOI: 10.2337/dc15-S007.
5. อารยา เชียงของ. ผลการพัฒนาความรอบรู้ด้านสุขภาพด้วยการจัดการเรียนรู้เพื่อการเปลี่ยนแปลงที่มีต่อพฤติกรรมการควบคุมระดับน้ำในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวาน [ปริญญาปรัชญาดุษฏีบัณฑิต สาขาวิชาการวิจัยพฤติกรรมศาสตร์ประยุกต์]. กรุงเทพ: มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ; 2561.
6. ดวงใจ พรหมพยัคฆ์, รณภพ อิ้มทับ, ภัทรพร จูจันทร์, วันวิสา วัฒนกุล. ประสบการณ์การจัดการตนเองของผู้ป่วยเบาหวานที่อาศัยในเขตพื้นที่สูง: กรณีศึกษา อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก.วารสารพยาบาลสภากาชาดไทย 2560;1:66-80.
7. กมลลักษณ์ พูนศรี, วัชรี ศรีทอง. ประสบการณ์การดูแลตนเองของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ในเขตพื้นที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านบุ ตำบลหนองพลวง อำเภอจักราช จังหวัดนครราชสีมา. รายงานสืบเนื่องการประชุมสัมมนาวิชาการ (Proceedings) การนำเสนอผลงานวิจัยระดับชาติ เครือข่ายบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏภาคเหนือ ครั้งที่ 17 [อินเทอร์เน็ต]. 2560 [เข้าถึงเมื่อ 5 มี.ค.2563]. เข้าถึงได้จาก http://gnru2017.psru.ac.th/proceeding/461-25600831133036.pdf.
8. American Association of Diabetes. AADE7 Self-Care Behaviors [Internet]. 2020 [cited 2020 Feb 20]. Available from: https://www.diabeteseducator.org/living-with-diabetes/aade7-self-care-behaviors.
9. อารีย์ รัตนพันธ์. ประสบการณ์การดูแลตนเองของผู้ป่วยเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ [วิทยานิพนธ์ปริญญาพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต].พิษณุโลก: มหาวิทยาลัยนเรศวร; 2551.
10. กุลฤดี จิตตยานันต์. ประสบการณ์การดูแลตนเองของผู้ป่วยเบาหวานในตำบลลาดบัวขาว อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี. วารสารพยาบาลกระทรวงสาธารณสุข 2557;3:110-21.
11. ทัศนา ชูวรรธนะปกรณ์, สายพิน สุริยวงค์. มุมมองการป่วยของผู้สูงอายุที่เป็นโรคเบาหวาน. วารสารสภาการพยาบาล 2554;4:96-107.
12. Bandura A. Self-efficacy: The exercise of control. NY: W.H. Freeman and Company; 1997.
13. โสพิศ สุมานิต, เรณู พุกบุญ. ผลของการเสริมสร้างการรับรู้สมรรถนะแห่งตนต่อการรับรู้สมรรถนะ การมีส่วนร่วมดูแลผู้ป่วยเด็กภาวะวิกฤตของผู้ดูแล. รามาธิบดีพยาบาลสาร 2554;1:63-74.
14. กาญจนา บริสุทธิ์. ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยเบาหวาน ศูนย์แพทย์เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา เทศบาลเมืองท่าเรือพระแท่น อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี[วิทยานิพนธ์ปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต]. กรุงเทพ: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์; 2553.
15. Bandura A. Social foundation of thoughts and action: A social cognitive theory. NJ: Prentice-Hall: 1986.
16. อุษา ทัศนวิน, ธีรนุช ห้านิรัติศัย, วันเพ็ญ ภิญโญภาสกุล. ผลของการเข้าค่ายเบาหวานกลางวันต่อการรับรู้สมรรถนะแห่งตน พฤติกรรมการดูแลตนเองและระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2. วารสารสภาการพยาบาล 2553;1:53-66.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ลงพิมพ์ในวารสารเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย ถือเป็นผลงานวิชาการ งานวิจัย วิเคราะห์ วิจารณ์ ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้นิพนธ์ กองบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยเสมอไป และผู้นิพนธ์จะต้องรับผิดชอบต่อบทความของตนเอง