การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพของผู้ป่วยเบาหวาน ที่ควบคุมระดับน้ำตาลไม่ได้ โดยใช้หลักโภชนาการ และการออกกำลังกายแบบแรงต้าน
คำสำคัญ:
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ, ผู้ป่วยเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ำตาลไม่ได้, การออกกำลังกาย แบบแรงต้านบทคัดย่อ
การวิจัยเชิงปฏิบัติการครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพของผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ควบคุมน้ำตาลไม่ได้ โดยใช้หลักโภชนาการเพื่อการปรับสมดุลร่างกาย และการออกกำลังกายแบบแรงต้านตามแนวคิดของ P (plan) A (action) O (observe) และ R (reflect) ด้วยความร่วมมือของผู้ป่วยโรคเบาหวาน 30 คน ทีมสหวิชาชีพ 13 คน และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน 30 คน รวม 73 คน การวิจัยแบ่งเป็น 3 ระยะ คือ การจัดทำแผน การปฏิบัติ การประเมินผลและการสะท้อนผล เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบทดสอบความรู้ แบบสอบถามเจตคติ และการปฏิบัติของผู้ป่วยเบาหวาน แนวคำถามสำหรับการสัมภาษณ์ การสนทนากลุ่ม และการสังเกตแบบมีส่วนร่วม ดำเนินการตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2561ถึงมกราคม 2563 และวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา คือ ความถี่ ร้อยละ และเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยโดยใช้สถิติทดสอบ Paired t-test โดยใช้นัยสำคัญทางสถิติ .05 (95% CI) ผลการวิจัยพบว่า หลังการพัฒนา ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ำตาลไม่ได้มีรอบเอวลดลงต่ำกว่า ก่อนการพัฒนา (p-value <.001) โดยมีเส้นรอบเอวลดลงเท่ากับ 4.75 เซนติเมตร (95% CI: 3.17, 6.32) ดัชนีมวลกายลดลง (p-value = .019) โดยมีดัชนีมวลกายลดลงเท่ากับ 0.75 กิโลกรัม/ตารางเมตร (95% CI; 0.42, 1.47) และระดับน้ำตาลสะสมในเลือดน้อยกว่าก่อนการพัฒนา (p-value <.001) โดยมีระดับน้ำตาลสะสมในเลือดลดลงเท่ากับ 0.54% (95% CI; 0.370, 0.709) สรุป: การศึกษาครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าการใช้หลักโภชนาการและการออกกำลังกายแบบแรงต้านนั้น ส่งผลให้ผู้ป่วยเบาหวานควบคุมระดับน้ำตาลไม่ได้มีเส้นรอบเอว ดัชนีมวลกาย และระดับน้ำตาลสะสมในเลือดลดลงได้
เอกสารอ้างอิง
2. อรุณรัตน์ สู่หนองบัว, ไดอาน่า ศรีพรกิจขจร. ผลการพัฒนาเครือข่ายการดูแลผู้ป่วยเบาหวานที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล อำเภอเมืองชัยภูมิ. ชัยภูมิเวชสาร 2560;37:59-69.
3. โรงพยาบาลเมืองสรวง. รายงานผลการปฏิบัติงานตามยุทธศาสตร์สุขภาพเครือข่ายสุขภาพอำเภอเมืองสรวง ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561. ร้อยเอ็ด: กลุ่มงานพัฒนายุทธศาสตร์ โรงพยาบาลเมืองสรวง; 2561.
4. พรทิพย์ มาลาธรรม, ปิยนันท์ พรหมคง, ประคอง อินทรสมบัติ. ปัจจัยทำนายระดับน้ำตาลในเลือดของผู้สูงอายุที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2. รามาธิบดีพยาบาลสาร 2553;16:218-37.
5. สุภาภรณ์ อนุรักษ์อุดม, ศากุล ช่างไม้, สมพันธ์ หิญชีระนันทน์, ศศิมา กุสุมา ณ อยุธยา. ปัจจัยทำนายพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพด้านโภชนาการในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2. รามาธิบดีพยาบาลสาร 2553;16:155-68.
6. Pender NJ. Health promotion in nursing practice. NY: Appleton Century Croft; 1982.
7. Pender NJ. Health promotion in nursing practice. 3rd ed. Stamford: Appleton & Lange; 1996.
8. American Diabetes Association. Implications of the diabetes control and complications trial. Diabetes Care 1997;20:S6-S13.
9. กรมอนามัย. ผู้เป็นเบาหวานเลี่ยงอาหารน้ำตาลสูง เน้นคุมปริมาณข้าว-แป้ง ออกกำลังกายสม่ำเสมอ. นนทบุรี: กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข; 2562.
10. สุภาพร คำสม, แสทอง ธีระทองคำ, กมลรัตน์ กิตติพิมพานนท์. ผลของโปรแกรมการออกกำลังกายแบบแกว่งแขนต่อน้ำตาลสะสมในเลือดและภาวะโภชนาการของผู้สูงอายุที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ในชุมชน. วารสารการปฏิบัติการพยาบาลและผดุงครรภ์ไทย 2560;4:46-60.
11. Kemmis S, McTaggart R. The Action research planer. 3rd ed. Victoria: Deakin University; 1988.
12. อรรถพงษ์ ชุ่มเขียว, กาญจนา ทองบุญนาค, อุบล ชื่นสำราญ, ณัฐิยา ตันตรานนท์. ประสิทธิผลของโปรแกรมควบคุมน้ำหนักที่เน้นเรื่องการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารในนักศึกษาที่มีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน. พยาบาลสาร 2562;46:106-17.
13. กมลธร วัสสา, วิพร เสนารักษ์. ผลของโปรแกรมส่งเสริมสุขภาพต่อระดับความดันโลหิตดัชนีมวลกายและเส้นรอบเอวในผู้ที่มีภาวะ Prehypertension. วารสารการพยาบาลและการดูแลสุขภาพ 2558;33:65-73.
14. รัตนา เกียรติเผ่า. ผลของการใช้โปรแกรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพต่อการลดความเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูง และโรคเบาหวานของประชากรกลุ่มเสี่ยง ตำบลทัพทัน อำเภอทัพทัน จังหวัดอุทัยธานี. วารสารวิชาการสาธารณสุข 2558;24:405-12.
15. สุพิชญา หวังปิติพาณิชย์, แสงทอง ธีระทองคำ, มะลิวัลย์ ภาคพยัคฆ์. ผลของโปรแกรมการออกกำลังกายแบบแรนสามสิบต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคเบาหวาน ดัชนีมวลกายและค่าน้ำตาลในเลือดปลายนิ้วของผู้ที่เสี่ยงต่อเบาหวาน. รามาธิบดีพยาบาลสาร 2560;23:358-70.
16. บุญจันทร์ วงศ์สุนพรัตน์, ฉัตรประอร งามอุโฆษ, น้ำเพชร สายบัวทอง. การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้เป็นเบาหวานภายหลังเข้าโครงการอบรมความรู้การจัดการเบาหวานด้วยตนเองแบบกลุ่ม. รามาธิบดีพยาบาลสาร 2551;14:289-97.
17. ภิญยา ไปมูลเปี่ยม, พัชนี อินใจ, วินัย ปันทะนะ, ไชยวัฒน์ น้ำเย็น. การพัฒนาระบบการจัดการดูแลผู้ป่วยโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงแบบมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายชุมชนภายใต้บริบทของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลแม่สาคร อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน. วารสารวิชาการสาธารณสุข 2559;25:395-400.
18. โชติกา สัตนาโค, จุฬาภรณ์ โสตะ. ผลของโปรแกรมการจัดการตนเองเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง. วารสารการพยาบาลและการศึกษา 2560;10:32-47.
19. Mendes AB, Fittipaldi JA, Neves RC, Chacra AR, Moreira ED Jr. Prevalence and correlates of inadequate glycaemic control: results from a nationwide survey in 6,671 adults with diabetes in Brazil. Acta Diabetol 2010.47:137-45.
20. วิจารณ์ พานิช. การจัดการความรู้ ฉบับนักปฏิบัติ. กรุงเทพฯ: สถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม; 2548.
21. Takeuchi H, Nonaka I. Knowledge-Creating Company : Harvard Business Review on Knowledge management. USA: Harvard Business School Press; 1995.
22. Gates B. The Road to the future (The Road Ahead). US: Viking Press; 1999. p.218-88.
23. Bhatt G. Knowledge management in organizations: examining the interaction between technologies, techniques, and people. Journal of Knowledge Management 2001;5:68-75.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ลงพิมพ์ในวารสารเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย ถือเป็นผลงานวิชาการ งานวิจัย วิเคราะห์ วิจารณ์ ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้นิพนธ์ กองบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยเสมอไป และผู้นิพนธ์จะต้องรับผิดชอบต่อบทความของตนเอง