ผลของโปรแกรมการส่งเสริมสุขภาพมารดาหลังคลอดครรภ์แรก ในการเลี้ยงลูกด้วยนม โดยครอบครัวมีส่วนร่วม

ผู้แต่ง

  • แสงเดือน กิ่งข่อยกลาง โรงพยาบาลชุมแพ จังหวัดขอนแก่น

คำสำคัญ:

ระดับการไหลของน้ำนม, มารดาครรภ์แรก, การเลี้ยงลูกด้วยน้ำนม

บทคัดย่อ

    การวิจัยนี้เป็นการวิจัยทางคลินิก ชนิดสุ่มมีกลุ่มเปรียบเทียบ มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบความรู้ เรื่องการเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมและการมีส่วนร่วมของครอบครัวในเรื่องการเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมในมารดาหลังคลอดครรภ์แรกที่ได้รับและไม่ได้รับโปรแกรมการส่งเสริมสุขภาพมารดาหลังคลอดครรภ์แรกในการเลี้ยงลูกด้วยนม โดยครอบครัวมีส่วนร่วม คัดเลือกผู้เข้าร่วมโครงการจากมารดาครรภ์แรกที่อายุครรภ์ 32 สัปดาห์ ถึง 36 สัปดาห์ 6 วัน ที่มาฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลชุมแพ ในช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนธันวาคม พ.ศ. 2562 จำนวน 60 คน แล้วทำการสุ่มแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ได้รับโปรแกรมการส่งเสริมสุขภาพมารดาหลังคลอดครรภ์แรก ในการเลี้ยงลูกด้วยนมโดยครอบครัวมีส่วนร่วมจะได้รับการสอนช่วงก่อนคลอด 2 ครั้ง คือ อายุครรภ์ 32-36 สัปดาห์ 6 วัน ได้รับความรู้พร้อมกับครอบครัวโดยใช้ภาพพลิกเรื่องประโยชน์ของน้ำนมแม่ วิธีการให้นมแม่อาหารและน้ำสมุนไพรที่กระตุ้นน้ำนมแม่และ 37-42 สัปดาห์สอนวิธีการให้นมลูกและลงมือปฎิบัติโดยใช้ภาพพลิก หุ่นทารก เต้านมปลอมและหลังคลอด 1 ครั้ง โดยสอนสุขศึกษาให้เป็น A และกลุ่มที่ไม่ได้รับโปรแกรมการส่งเสริมสุขภาพมารดาหลังคลอดครรภ์แรกในการเลี้ยงลูกด้วยนมโดยครอบครัวมีส่วนร่วมได้รับการอธิบายน้ำนมแม่มีประโยชน์ต่อทารก และฝากครรภ์ตามปกติ ให้เป็น B โดยใช้ วิธี block of four จนได้กลุ่มละ 30 คน เก็บข้อมูลหลังคลอดทั้ง 2 กลุ่มแล้วนำมาประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลเปรียบเทียบความรู้เรื่องการเลี้ยงลูกด้วยน้ำนม การมีส่วนร่วมของครอบครัว วิธีการที่ใช้และการปฏิบัติตัวในการกระตุ้นน้ำนม การไหลของน้ำนม 

       ผลการวิจัยพบว่าหลังคลอดกลุ่มได้รับโปรแกรมเหลือผู้เข้าร่วมโครงการ 21 คนกลุ่มไม่ได้รับโปรแกรมเหลือผู้เข้าร่วมโครงการ 25 คน พบว่าข้อมูลทั่วไปไม่แตกต่างกัน แต่มีความแตกต่างกันในเรื่องของความรู้เรื่องการเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมและการมีส่วนร่วมของครอบครัวในเรื่องการเลี้ยงลูกด้วยน้ำนม ก่อนเข้าโปรแกรม พบว่าความรู้เรื่องการเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมของกลุ่มที่ได้รับโปรแกรมเฉลี่ย 6.38 กลุ่มที่ไม่ได้รับโปรแกรมเฉลี่ย 5.76 (p=0.191) หลังเข้าโปรแกรมกลุ่มที่ได้รับโปรแกรมเฉลี่ย 9.76 กลุ่มที่ไม่ได้รับโปรแกรมเฉลี่ย 7.28 (p=<0.001) การมีส่วนร่วมของครอบครัวในเรื่องการเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมของกลุ่มที่ได้รับโปรแกรม 16 (76.19%) มารดามีส่วนร่วมมากที่สุดและมีความพึงพอในในระดับมากที่สุด 14 (66.67%) ส่วนกลุ่มที่ไม่ได้รับโปรแกรม 6 (24.00%) (p=0.001) มารดามีส่วนร่วมมากที่สุดและมีความพึงพอในในระดับมากที่สุด 7 (28.00%) (p=0.016) กลุ่มที่ได้รับโปรแกรมจะใช้หลากหลายวิธีมากกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับโปรแกรมเพื่อจะกระตุ้นการไหลของน้ำนมตั้งแต่ก่อนคลอดซึ่งใช้ 6 วิธีมากที่สุด กลุ่มที่ไม่ได้รับโปรแกรมใช้ 2 วิธีมากที่สุด ระดับการไหลของน้ำนมระดับ 3 พบว่ากลุ่มที่ได้รับโปรแกรมมีระดับการไหลของน้ำนมระดับ 3 มีจำนวน 11 คน (52.38%) กลุ่มที่ได้รับโปรแกรมมี 6 คน (24.00%) (p=0.047)

เอกสารอ้างอิง

1. ศิริลักษณ์ ถาวรวัฒนา. การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่. ใน: ชาญชัย วันทนาศิริ, วิทยา ถิฐาพันธ์, ปราโมทย์ ไพรสุวรรนา, บรรณาธิการ. เวชศาสตร์ปริกำเนิด. กรุงเทพฯ: บริษัทยูเนียน ศรีเอชั่นจำกัด; 2550. หน้า 231-7.
2. เพ็ญศรี โควสุวรรณ, จามรี ธีรตกุลพิศาล. Health promotion & Diseases prevention การประชุมวิชาการภาควิชากุมารเวชศาสตร์ ประจำปี 2553 คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น; มิ.ย. 2553. หน้า 1-2.
3. ยุพยง แห่งเชาวนิช, สุอารี อ้นตระการ. Breastfeeding promotion: Obstetrician & nurse’s view. สมาคมเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ (ไทย) การประชุมวิชาการ ครั้งที่ 1 ประจำปี 2553 ณ ห้องแปซิฟิก โรงแรม เดอะไทด์ รีสอร์ท บางแสน จังหวัดชลบุรี; 5-7 พฤษภาคม 2553. หน้า 169-80.
4. Kanchanachitra C. et al. Thai Health 2005. In: Kanchanachitra C et al, editor. Pregnancy and birth. Bangkok: Thai Health Promotion Foundation, Institute for Population and Social Research, Mahidol University; 2005. P.12-3.
5. มูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย. ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับนมแม่. ใน: ศิราภรณ์ สวัสดิวร, กรรณิการ์ บางสายน้อย, กุสุมา ชูศิลป์, บรรณาธิการ. เรียนรู้นมแม่จากภาพ The Breastfeeding Atlas:Thai edition. กรุงเทพฯ: บริษัทยูเนียน ศรีเอชั่น จำกัด; 2555. หน้า 1-22.
6. สำนักงานสถิติแห่งชาติ. การสำรวจสถานการณ์เด็กและสตรีในประเทศไทย พ.ศ. 2555. [อินเทอร์เน็ต]. 2561 [เข้าถึงเมื่อ 20 ธันวาคม 2561]. เข้าถึงได้จาก http://www.unicef.org/thailand/Exe_Summary_Thai.pdf
7. Hruschka DJ, Sellen DW, Stein AD, Martorell R. Delayed onset of lactation and risk of ending full breastfeeding early in Rural Guatemala. Journal of Nutrition 2003;133:2592-9.
8. Nommsen-Rivers LA, Chantry CJ, Peerson JM, Cohen RJ, Denwey KG. Delayed onset of lactogenesis among first-time mothers is related to maternal obesity and factors associated with ineffective breastfeeding (Electronic version). The American Journal of Clinical Nutrition 2010;92:574-84.
9. เกรียงศักดิ์ จีระแพทย์. ปัญหาที่พบบ่อยในแม่ที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่. ใน: เพิ่มศักดิ์ สุเมฆศรี, นาเรศ วงศ์ไพฑูรย์, บรรณาธิการ. ความก้าวหน้าเสริมความท้าทายในเวชปฏิบัติปริกำเนิด. กรุงเทพฯ: บริษัท ยูเนียน ศรีเอชั่นจำกัด; 2558. หน้า 45-56.
10. Thylier D, Mercer J. Variables associated with breastfeeding duration. J Obstet Gynecol Neonatal Nurs 2009;38:259-68.
11. Paiman Tracy S, Thoragood C, Pincombe J. Midwifery:preparation for practice. 3rd ed. Chatswood:Churchill Livingstone; 2015.
12. Kridsana Pingwong, Kannika Kantaruksa. Breast massage for promoting milk production and milk Ejection. Nursing Journal 2017; 44:169-76.
13. ประมินทร์ อนุกูลประเสริฐ. การนวดเต้านมธรรมดาเปรียบเทียบกับการนวดประคบด้วยผ้าอุ่นกระตุ้นการหลั่งน้ำนมหลังคลอด. วารสารวิจัยระบบสาธารณสุข 2550;1(3-4):430-38.
14. Trainapakul C, Chaiyawattana M, Kanavitoon W. Effect of milk ejection performance of postpartum mothers after breast massage and compression with mini hot bag and herbal compress. Journal of Nursing and Education 2010;3:75-91.
15. Nittaya Panngam, Pranee Theerasopon, Supannee ungpansattawong. The effect of warm moist polymer gel pack compression on the onset of milk promotion in primiparous mothers. Journal of Phrapokklao Nursing College 2015;27:28-38.
16. วรรณา พาหุวัฒนกร. แนวปฏิบัติการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในระยะหลังคลอด. ใน: กรรณิการ์ วิจิตรสุคนธ์, พรรณรัตน์ แสงเพิ่ม, นันทิยา วัฒายุ, สพินดา เรืองจิรัษเฐียร, สุดาภรณ์ พยัคฆเรือง. บรรณาธิการ. การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่. กรุงเทพฯ: ปรีชาพาณิชย์; 2554. หน้า 155-69.
17. Suwanna Chanapai, Nittaya Sinsuksai, Nanthana Thananowan. Knowledge attitude selfefficacy spousal and nurse support predicting 6 weeks exclusive breastfeeding. Journal of Nursing Science 2014;32:51-60.
18. Somporn Srisawat, Kannikar Vichitsukon, Tassanee Prasopkittikun. Effect of promoting grandmothers’ role in providing breastfeeding support for first-time mothers. Journal of Nursing Science 2013;31 (Suppl 2):48-56.
19. รวีวรรณ นิวัตยะกุล. โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการไหลของน้ำนมแม่. ใน: รวีวรรณ นิวัตยะกุล. บรรณาธิการ. การประชุมวิชาการนมแม่แห่งชาติ ครั้งที่ 1 นมแม่...ทุนสมอง. กรุงเทพฯ: ศูนย์วิจัยพัฒนา-ครอบครัว; 2548. หน้า 210-4.
20. ศุภาว์ เผือกเทศ. การดูแลแบบผสมผสานกับการกระตุ้นการสร้างน้ำนมแม่. วารสารพยาบาลสภากาชาดไทย 2550;11:27-34.
21. Paritakul P, Ruangrongmorakot K, Laosooksathit W. The effect of ginger on breast milk volume in the early postpartum period: a randomized double-blind controlled trial. Breastfeed Med 2016;11:361-5.
22. Pawin Puapornpong. Breast feeding assessment. Journal of Medicine and Health Sciences 2014;21:4-15.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2020-05-12

รูปแบบการอ้างอิง

1.
กิ่งข่อยกลาง แ. ผลของโปรแกรมการส่งเสริมสุขภาพมารดาหลังคลอดครรภ์แรก ในการเลี้ยงลูกด้วยนม โดยครอบครัวมีส่วนร่วม. JPMAT [อินเทอร์เน็ต]. 12 พฤษภาคม 2020 [อ้างถึง 28 ธันวาคม 2025];10(1):75-94. available at: https://he01.tci-thaijo.org/index.php/JPMAT/article/view/242255

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย