การศึกษาเชื้อจุลินทรีย์ปนเปื้อนและคุณภาพอากาศในอาคาร ในโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ

ผู้แต่ง

  • นภัฐมณ มโนรัตน์ กลุ่มงานอาชีวเวชกรรม โรงพยาบาลร้อยเอ็ด
  • นันทกา สินธุนันท์สกุล กลุ่มงานอาชีวเวชกรรม โรงพยาบาลร้อยเอ็ด

คำสำคัญ:

คุณภาพอากาศในโรงพยาบาล, เชื้อจุลินทรีย์ในอากาศ, คุณภาพอากาศ

บทคัดย่อ

     การศึกษานี้เป็นการศึกษาวิจัยเชิงสำรวจและพรรณนาภาคตัดขวาง มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาคุณภาพอากาศ ได้แก่ อุณหภูมิ ความชื้นสัมพัทธ์ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ สารอินทรีย์ระเหย และเชื้อจุลินทรีย์ (แบคทีเรียและเชื้อรา) ในโรงพยาบาลร้อยเอ็ด สำรวจช่วงเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2561 ใน 38 จุดตัวอย่างตามพื้นที่เสี่ยง ผลการศึกษาพบว่า อุณหภูมิในบริเวณตัวอย่างมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 27.00±2.37 องศาเซลเซียสความชื้นสัมพัทธ์มีค่าเฉลี่ยร้อยละ 55.43±6.52 ความเร็วลมมีค่ามัธยฐานที่ 3 เมตรต่อวินาที (≤0.25 เมตรต่อวินาที) คาร์บอนไดออกไซด์มีค่ามัธยฐานเท่ากับ 429 ppm (≤1000 ppm) สารอินทรีย์ระเหยมีค่าเฉลี่ย 0.63±0.67 ppm (≤3 ppm) ผลการเพาะเชื้อจุลินทรีย์ในอากาศ พบเชื้อแบคทีเรียมีปริมาณตั้งแต่ 30 ถึง 1024 CFU/m3 ค่ามัธยฐานอยู่ที่ 136 CFU/m3 (≤500 CFU/m3) และปริมาณเชื้อราพบว่ามีปริมาณตั้งแต่ 30 ถึง 640 CFU/m3 ค่ามัธยฐานเชื้อราอยู่ที่ 210 CFU/m3 (≤500 CFU/m3) เมื่อเทียบกับค่ามาตรฐานคุณภาพอากาศพบว่า มีพื้นที่ที่มีอุณหภูมิ ความชื้นสัมพัทธ์ ความเร็วลม ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ สารอินทรีย์ระเหยอยู่ในค่ามาตรฐาน ร้อยละ 13.15, 76.32, 39.47, 97.37 และ 100 ตามลำดับ และมีพื้นที่ที่มีปริมาณเชื้อจุลินทรีย์แบคทีเรียและเชื้อราอยู่ในค่ามาตรฐาน ร้อยละ 81.58 และ 89.47 ตามลำดับ พบว่าพื้นที่ที่มีค่าเกินค่ามาตรฐาน บ่งบอกว่าระบบระบายอากาศและคุณภาพอากาศยังไม่เหมาะสม จึงควรได้รับการแก้ไขให้ถูกต้องตามหลักการระบายอากาศ

เอกสารอ้างอิง

1. สถาบันบำราศนราดูรกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. คู่มือการปรับปรุงคุณภาพอากาศภายในสถานพยาบาล. กรุงเทพฯ: อักษรกราฟฟิคแอนด์ดีไซน์; 2560.
2. วีรานุช หลาง. จุลชีววิทยาสิ่งแวดล้อม. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์; 2554.
3. Institute of Medicine. Damp Indoor Spaces and Health. Washington DC: The National Academy Press; 2004.
4. National Institute for Occupational Safety and Health (NIOSH). Guidance for Indoor Air Quality Investigations. Cincinnati: NIOSH; 1987.
5. Lonon MK. Bioaerosol sampling (Indoor Air) 0800. NIOSH Manual of Analytical Methods [Internet]. 2003 [cited 2018 Dec 15]. Available from: https://www.cdc.gov/niosh/docs/2003-154/pdfs/0800.pdf
6. American Society of Heating. Refrigerating and Air-Conditioning Engineers (ASHRAE). ASHRAE Standard 62. Ventilation for Acceptable Indoor Air Quality. Atlanta; 2010.
7. Institute of Environmental Epidemiology Ministry of the Environment. Guidelines for Good Indoor Air Quality in Office Premises [Internet]. 1996 [cited 2018 Dec 15]. Available from:https://www.bca.gov.sg/greenmark/others/NEA_Office_IAQ_Guidelines.pdf
8. Seitz TA. NIOSH indoor air quality investigations 1971-1988. In: Weekes DM, Gammage RB, editors. Proceedings of the Indoor air quality, International Symposium; May 23, 1989; Cincinnati, OH. National Institute for Occupational Safety and Health; 1989. p.163-71.
9. Luksamijarulkul P, Pipitsangjan S. Microbial air quality and bacterial surface contamination in ambulances during patient services. Oman Med J 2015;30:104-10.
10. สุรัตน์ อัตถจริยกุล. ความรู้สึกสบายเชิงความร้อนสำหรับการปรับอากาศในประเทศไทย. วิศวกรรมสาร มหาวิทยาลัยขอนแก่น 2550;34:141-50.
11. Sola XG. Indoor air quality. In: Stellman JM, editor. Encyclopaedia of occupational health and safety. 4th ed. Geneva: International Labour Office; 1998. p.4402-26.
12. Stryjakowska-Sekulska M, Piotraszewska-Pajak A, Szyszka A, Nowicki M, Filipiak M. Microbiological quality of indoor air in University Rooms. Pol. J. Environ. Stud 2007;16:623-32.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2019-09-24

รูปแบบการอ้างอิง

1.
มโนรัตน์ น, สินธุนันท์สกุล น. การศึกษาเชื้อจุลินทรีย์ปนเปื้อนและคุณภาพอากาศในอาคาร ในโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ. JPMAT [อินเทอร์เน็ต]. 24 กันยายน 2019 [อ้างถึง 27 ธันวาคม 2025];9(2):232-41. available at: https://he01.tci-thaijo.org/index.php/JPMAT/article/view/217783

ฉบับ

ประเภทบทความ

นิพนธ์ต้นฉบับ