การศึกษาผลของการถือศีลอดต่อการควบคุมระดับน้ำตาล ในผู้ป่วยเบาหวานประเภทที่ 2 อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
คำสำคัญ:
การถือศีลอด, ระดับน้ำตาล, ผู้ป่วยเบาหวานประเภทที่ 2, ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ, ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงบทคัดย่อ
การถือศีลอดในช่วงเดือนรอมฎอนคือ การที่ชาวมุสลิมอดอาหารและน้้ำตั้งแต่เวลาพระอาทิตย์ขึ้น จนถึงหลังพระอาทิตย์ตกดิน อาจส่งผลต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยเบาหวาน ซึ่งในพื้นที่ตำบลลุมพลี อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีชาวไทยมุสลิมที่เป็นเบาหวานเป็นจำนวนมาก และพบว่าการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ไม่ดีเท่าที่ควร งานวิจัยนี้ต้องการศึกษาผลของการถือศีลอดต่อการควบคุมระดับน้ำตาลและภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นในผู้ป่วยเบาหวานประเภทที่ 2 โดยเก็บรวบรวมข้อมูลประชากรที่มาใช้บริการที่คลินิกโรคเรื้อรังโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลลุมพลี อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยเก็บข้อมูลระดับน้ำตาลภายหลังการอดอาหาร น้ำหนัก ส่วนสูง อาการน้ำตาลในเลือดต่ำ อาการน้ำตาลในเลือดสูงก่อนและหลังการถือศีลอด ผลการศึกษา พบว่าก่อนการถือศีลอดกลุ่มตัวอย่างมีระดับน้ำตาลในเลือดเฉลี่ยเท่ากับ 167.37±48.89mg/dL ระดับน้ำตาลในเลือดหลังการถือศีลอดเฉลี่ยเท่ากับ 168.59±55.03mg/dL เมื่อทำการวิเคราะห์เปรียบเทียบด้วยสถิติ Paired t-test ไม่พบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ แต่พบว่าน้ำหนักของกลุ่มตัวอย่างหลังถือศีลอดลดลงกว่าก่อนถือศีลอดอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 (p=0.013) โดยมีผลต่างเฉลี่ยเท่ากับ 0.48 กิโลกรัมนอกจากนั้นยังพบว่า ระยะเวลาการถือศีลอดสัมพันธ์กับการเกิดอาการน้ำตาลในเลือดต่ำอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 (p=0.002) แต่ไม่พบความสัมพันธ์ในทางสถิติกับการเกิดอาการน้ำตาลในเลือดสูง จากการศึกษาในครั้งนี้ไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างการถือศีลอดและระดับน้ำตาลในเลือดหลังจากถือศีลอด แต่พบว่าการเกิดภาวะน้ำตาลต่ำที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยปกติ ซึ่งใช้เป็นข้อมูลในการดูแลและป้องกันภาวะเทรกซ้อนในการดูแลผู้ป่วยเบาหวานในช่วงถือศีลอดต่อไป
เอกสารอ้างอิง
2. สมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย, ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. หนังสือแนวทางเวชปฏิบัติสำหรับโรคเบาหวาน 2560 [อินเทอร์เน็ต]. ปทุมธานี: บริษัท ร่มเย็น มีเดีย จำกัด; 2560 [เข้าถึงเมื่อ 6 มิถุนายน 2561]. เข้าถึงได้จาก:https://www.thaiendocrine.org/th/2018/03/10/หนังสือแนวทางเวชปฏิบัติ-2/
3. อารี จำปากลาย, ธีรนงค์ สกุลศรี, อาซิส ประสิทธิหิมะ. มุสลิมในประเทศไทย: ชายขอบหรือเพียงแค่แตกต่าง? ประชากรชายขอบและความเป็นธรรมในสังคมไทย. [อินเทอร์เน็ต] [เข้าถึงเมื่อ 6 มิถุนายน 2561] เข้าถึงได้จาก: https://www2.ipsr.mahidol.ac.th/ConferenceVIII/Download/Article_Files/4-MuslimsThailand-Aree.pdf
4. Karatoprak C, Yolbas S, Cakirca M, Cinar A, Zorlu M, Kiskac M, et al. The effects of long term fasting in Ramadan on glucose regulation in type 2 Diabetes Mellitus. Eur Rev Med Pharmacol Sci 2013;17:2512-6.
5. Jabbar A, Hassanein M, Beshyah SA, Boye KS, Yu M, Babineaux SM. CREED study:Hypoglycaemia during Ramadan in individuals with Type 2 diabetes mellitus from three continents. Diabetes Res Clin Pract 2017;132:19-26.
6. จาตุรนต์ ตั้งสังวรธรรมะ, สายพิณ หัตถีรัตน์, วัจนา ลีละพัฒนะ. การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการใช้ยาในช่วงเดือนถือศีลอดของผู้ป่วยมุสลิมที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2. วารสารการแพทย์และวิทยาศาสตร์สุขภาพ (มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ) 2553;17:70-86.
7. ซารินี มาซอ, พรทิพย์ มาลาธรรม, นุชนาฏ สุทธิ. การรับรู้ของผู้น?ำศาสนาอิสลามเกี่ยวกับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพตามหลักปฏิบัติทางศาสนาของชาวไทยมุสลิมที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ระหว่างการถือศีลอดในเดือนรอมฎอน. รามาธิบดีพยาบาลสาร 2560;23:208-28.
8. Sahin S, Ayaz T, Ozyurt N, Ilkkilic K, Kirvar A, Sezgin H. The Impact of Fasting during Ramadan on the Glycemic Control of Patients with Type 2 Diabetes Mellitus. Exp Clin Endocrinol Diabetes 2013;121:531-4.
9. Alabbood MH, Ho KW, Simons MR. The effect of Ramadan fasting on glycaemic control in insulin dependent diabetic patients: A literature review. Diabetes Metab Syndr Clin Res Rev 2017;11:83-7.
10. Susilparat P, Pattaraarchachai J, Songchitsomboon S, Ongroongruang S. Effectiveness of contextual education for self-management in Thai Muslims with type 2 diabetes mellitus during Ramadan. J Med Assoc Thail Chotmaihet Thangphaet 2014;Suppl8:S41-49.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ลงพิมพ์ในวารสารเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย ถือเป็นผลงานวิชาการ งานวิจัย วิเคราะห์ วิจารณ์ ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้นิพนธ์ กองบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยเสมอไป และผู้นิพนธ์จะต้องรับผิดชอบต่อบทความของตนเอง