การพัฒนาระบบการพยาบาลป้องกันการติดเชื้อดื้อยาในทารกแรกเกิด โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา

ผู้แต่ง

  • ถนิตชม เกาะเรียนไชย กลุ่มการพยาบาล โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา
  • จินต์จุฑา รอดพาล กลุ่มการพยาบาล โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา
  • ศรีสุรีย์ สูนยานนท์ กลุ่มการพยาบาล โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา
  • สมทรง บุตรชีวัน กลุ่มการพยาบาล โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา
  • อุไรวรรณ สุขสาลี กลุ่มการพยาบาล โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา

คำสำคัญ:

การป้องกันการติดเชื้อดื้อยา, ทารกแรกเกิด

บทคัดย่อ

     การวิจัยเชิงปฏิบัติการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) สถานการณ์ ปัญหาและอุปสรรค 2) พัฒนาระบบและ 3) ผลการพัฒนาระบบการพยาบาลป้องกันการติดเชื้อดื้อยาในทารกแรกเกิดโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา ดำเนินการศึกษาตั้งแต่ ตุลาคม 2560-มีนาคม 2562 แบ่งเป็น 3 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ศึกษาสถานการณ์ โดยทบทวนเวชระเบียนทารกแรกเกิดปี 2560 ที่ติดเชื้อดื้อยา จำนวน 138 ฉบับ ร่วมกับทำการสนทนากลุ่มพยาบาลวิชาชีพที่ดูแลทารกที่ติดเชื้อดื้อยา จำนวน 24 คน วิเคราะห์เชิงเนื้อหาข้อมูลเชิงปริมาณวิเคราะห์โดยใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ จำนวน ร้อยละ ระยะที่ 2 พัฒนาระบบการพยาบาลป้องกันการติดเชื้อดื้อยาในทารกแรกเกิด ตามแนวคิดของ Kermmis & Mctaggart ในรูปแบบ PAOR และการนิเทศทางการพยาบาล ตามแนวคิดของ Proctor กลุ่มตัวอย่างคือพยาบาลวิชาชีพผู้เกี่ยวข้องในการดูแลทารกแรกเกิดทั้งหมด 75 คน และทารกแรกเกิดที่เข้ารับการรักษาในช่วงที่ดำเนินการพัฒนารวม 110 คน เครื่องมือที่ใช้ประกอบด้วยแนวทางการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อแบคทีเรียดื้อยา แบบประเมินสมรรถนะพยาบาลวิชาชีพที่ให้การพยาบาลการป้องกันการติดเชื้อดื้อยา ในทารกแรกเกิด แบบประเมินการปฏิบัติตามแนวทางการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อแบคทีเรียดื้อยา แบบรวบรวมข้อมูลทารกแรกเกิด และแบบบันทึกรายงานอุบัติการณ์ วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ จำนวน ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ระยะที่ 3 ประเมินผลลัพธ์การพัฒนาระบบการพยาบาลป้องกัน การติดเชื้อดื้อยาในทารกแรกเกิด วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ จำนวน ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติ t-test และ z-test ส่วนข้อมูลเชิงคุณภาพใช้การวิเคราะห์เชิงเนื้อหาผลการวิจัยระยะที่ 1 พบว่าปัญหาด้านโครงสร้างได้แก่สิ่งแวดล้อมไม่เอื้อต่อการปฏิบัติงาน ด้านกระบวนการทำงานไม่เป็นระบบ ไม่เป็นตามแนวทาง และการบริหารจัดการในหน่วยงานไม่เหมาะสม ระยะที่ 2 เกิดการปรับปรุงระบบด้านโครงสร้าง ได้แก่ แนวทางการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อแบคทีเรียดื้อยา การพัฒนาความรู้และสมรรถนะพยาบาลวิชาชีพด้านการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อดื้อยา ด้านกระบวนการ เกิด การปรับปรุงระบบการจัดบริการพยาบาลพื้นที่และสิ่งแวดล้อม การแยกเครื่องมืออุปกรณ์ของทารกแรกเกิดและการนิเทศร่วมกับการแก้ไขความเสี่ยงหน้างานอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่งผลต่อผลลัพธ์ในระยะที่ 3 ซึ่งพบว่า การมีนโยบายชัดเจน ส่งผลต่อกระบวนการทำงานทำให้มีการพัฒนาบุคลากรในด้านความรู้ คะแนนความรู้ของพยาบาลวิชาชีพในการป้องกันการติดเชื้อและการแพร่กระจายเชื้อดื้อยาในทารกแรกเกิดหลังการพัฒนาระบบการพยาบาลป้องกันการติดเชื้อดื้อยาในทารกแรกเกิด มีคะแนนเฉลี่ยสูงกว่าก่อนการพัฒนาอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<.05) เช่นเดียวกับสมรรถนะด้านการปฏิบัติการพยาบาล ด้านการพัฒนาคุณภาพการพยาบาล ด้านการจัดการทางการพยาบาล และด้านการบริหารยา มีการพัฒนาที่ดีขึ้น หลังการพัฒนามีคะแนนสมรรถนะดีกว่าก่อนการพัฒนาอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<.05) ในขณะที่ด้านการตัดสินใจทางจริยธรรมคะแนนไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนสมรรถนะภาพรวม พบว่า สมรรถนะของพยาบาลวิชาชีพด้านการพยาบาลป้องกันการติดเชื้อดื้อยาในทารกแรกเกิด หลังการพัฒนาระบบมีสมรรถนะภาพรวมที่ดีขึ้น กว่าก่อนการพัฒนาระบบอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<.05) ด้านอัตราการติดเชื้อในโรงพยาบาลและอัตราการติดเชื้อดื้อยาในทารกแรกเกิด พบว่า มีแนวโน้มลดลง และมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<.05) รวมทั้งอัตราตายของทารกแรกเกิด จากการติดเชื้อดื้อยาและอุบัติการณ์การเกิดการระบาดของเชื้อดื้อพบว่ามีแนวโน้มลดลง ส่วนอุบัติการณ์ข้อร้องเรียนด้านคุณภาพการรักษาพยาบาลทารกแรกเกิดพบว่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น การพัฒนาระบบป้องกันการติดเชื้อดื้อยาในทารกแรกเกิดที่มีประสิทธิภาพที่ดี ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องมีความตระหนัก มีความรับผิดชอบร่วมมือกันในการปฏิบัติตามแนวทางที่วางไว้ปรับปรุงระบบให้สอดคล้องกับสถานการณ์ร่วมกับการกำกับติดตามการพัฒนาระบบอย่างสร้างสรรค์สม่ำเสมอ จะส่งผลให้การป้องกันการ
ติดเชื้อดื้อยาในทารกแรกเกิดมีประสิทธิภาพที่ดี

เอกสารอ้างอิง

1. ศรัญญา ศรีจันทร์ทองศิริ, ไกลตา ศรีสิงห์, จิรนันท์ วีรกุล. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการติดเชื้อในกระแสเลือดของทารกแรกเกิดในโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร. วารสารสาธารณสุขศาสตร์ 2558;45:256-71.
2. Tiskumara R, Fakharee SH, Liu CQ, Nuntnarumit P, Lui KM, Hammoud M, et al. Neonatal infection in Asia. Arc Dis Child Fetal Neonatal Ed 2009;94:144-8.
3. ศิริสุดา อัญญะโพธิ์. การติดเชื้อทารกแรกเกิดในโรงพยาบาลอ่างทอง. วารสารวิชาการ รพศ/รพท เขต 4 2558;17:174-82.
4. ผกาพรรณ เกียรติชูสกุล. Ventilator-associated Pneumonia ในทารกแรกเกิดการประชุมวิชาการครั้งที่ 26 ประจำปี 2553. Srinagarind Med J 2010;25 (Suppl)
5. อะเคื้อ อุณหเลขกะ, สุชาดา เหลืองอาภาพงศ์, จิตตาภรณ์ จิตรีเชื้อ. การป้องกันการติดเชื้อดื้อยาในหออภิบาลผู้ป่วย. [อินเทอร์เน็ต] 2557. [เข้าถึงเมื่อ 3 เม.ย. 2562]. เข้าถึงได้จากhttps://kb.hsri.or.th/dspace/handle/11228/4265?locale-attribute=th
6. โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา. รายงานสถิติประจำปี 2560-2561 โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา. พระนครศรีอยุธยา:โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา; 2561.
7. Donabedian A. An Introduction to quality assurance in health care. 3rd ed. NY: Oxford University Press; 2003.
8. Kemmis S, McTaggart R. Participatory action research. In: NK Denzin, YS Lincoln (Eds.) Handbook of qualitative research 2nd ed. Thousand Oaks CA: Sage; 2000. p.567-607.
9. Proctor B. Training for the supervision alliance attitude, skills and intention.In: JR Cutcliffe, T Butterworth, B Proctor (eds), Fundamental Themes in Clinical Supervision. London:Routledge; 2001. p. 25-46.
10. สำอาง ตันวิเชียร. สมรรถนะพยาบาลวิชาชีพที่ดูแลผู้ป่วยกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันในโรงพยาบาลตติยภูมิแห่งหนึ่ง จังหวัดสมุทรสาคร. [วิทยานิพนธ์ปริญญาพยาบาลศาสตร์มหาบัณฑิต]. นครปฐม:มหาวิทยาลัยคริสเตียน; 2557.
11. กุลดา พฤติวรรธน์, รัชนีย์ วงค์แสน, สุทธิพันธ์ ถนอมพันธ์, สมรรถเนตร ตะริโย. การเพิ่มประสิทธิผลการดูแลผู้ป่วยเพื่อลดการติดเชื้อดื้อยา แผนกอายุรกรรมและศัลยกรรมโรงพยาบาลนครพิงค์. วารสารกองการพยาบาล 2560;44:10-33.
12. ประจวบ ทองเจริญ. ผลของการใช้กลวิธีหลากหลายต่อการปฏิบัติของบุคลากรสุขภาพในการป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียดื้อยาหลายขนาน. [วิทยานิพนธ์ปริญญาพยาบาลศาสตร์มหาบัณฑิต]. เชียงใหม่:มหาวิทยาลัยเชียงใหม่; 2556.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2019-09-23

รูปแบบการอ้างอิง

1.
เกาะเรียนไชย ถ, รอดพาล จ, สูนยานนท์ ศ, บุตรชีวัน ส, สุขสาลี อ. การพัฒนาระบบการพยาบาลป้องกันการติดเชื้อดื้อยาในทารกแรกเกิด โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา. JPMAT [อินเทอร์เน็ต]. 23 กันยายน 2019 [อ้างถึง 25 ธันวาคม 2025];9(2):119-31. available at: https://he01.tci-thaijo.org/index.php/JPMAT/article/view/217543

ฉบับ

ประเภทบทความ

นิพนธ์ต้นฉบับ